ปากเสียงของคนท้องถิ่น เพื่อการพัฒนาประเทศ
คอลัมนิสต์ / บทวิเคราะห์ ย้อนกลับ
พระราชกรณิยกิจพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 ด้านการสืบศาสนา
10 พ.ค. 2559

                    แต่โบราณมา พุทธศาสนิกชนชาวไทย ถือว่าลังกา คือแหล่งความรู้และแบบอย่างทางพระพุทธศาสนา เพราะชาวไทย รับพระพระพุทธศาสนาเถรวาทมาจากลังกา ดังที่เรียกกันว่า "พระพุทธศาสนาลัทธิลังกาวงศ์"หรือ พระพุทธศาสนาเถรวาทแบบลังกา  ฉะนั้นพระสงฆ์ไทยในอดีตจึงนิยมไปศึกษาพระพุทธศาสนาที่ลังกา จนเกิดเป็นประเพณีนิยมไปสืบพระศาสนาที่ลังกา  อันหมายถึงการไปศึกษาพระพุทธศาสนาและลัทธิพิธีทางพระพุทธศาสนาที่ลังกา  เพื่อนำมาประพฤติปฏิบัติและเผยแพร่ให้เจริญรุ่งเรืองในบ้านเมืองของตน  ซึ่งนับว่าเป็นบุญกุศลเป็นการสืบอายุพระพุทธศาสนาทางหนึ่งตั้งแต่ยุคสุโขทัยเป็นต้นมาคณะสงฆ์และพุทธศาสนิกชนชาวไทยจึงมีความสัมพันธ์ทางพระพุทธศาสนากับลังกาอย่างใกล้ชิดและต่อเนื่องมามิได้ขาด จนกระทั่งถึงยุครัตนโกสินทร์ในยุคกรุงรัตนโกสินทร์ได้มีการส่งสมณทูตไปเจริญศาสนไมตรีกับลังกา ครั้งแรกในรัชกาลที่ 2 มาในรัชกาลที่ 3 พระสงฆ์และคฤหัสถ์ชาวลังกาได้มีการติดต่อสัมพันธ์กับคณะสงฆ์ไทยมากขึ้น พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวได้ทรงมอบหมายให้ทูลกระหม่อมพระ  ขณะครองวัดบวรนิเวศวิหารรับหน้าที่รับรองดูแลคณะสงฆ์ลังกาในทางราชการเสมอมาเพราะพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวรวมทั้งพระภิกษุ ศิษย์หลวงที่วัดบวรนิเวศวิหารโดยมากพูดภาษามคธและภาษาอังกฤษได้ จนทางวัดบวรนิเวศวิหารต้องจัดเสนาสนะไว้สำหรับรับรองคณะสงฆ์ลังกาโดยเฉพาะ  เรียกว่าคณะลังกา

                    ในรัชกาลที่ 3 ทรงพระกรุณาโปรดให้ทูลกระหม่อมจัด สมณทูตไปลังกาถึง 2 ครั้ง  มาในรัชกาลที่ 4 ก็ได้ทรงพระกรุณาโปรดให้จัดสมาทูตไปลังกาอีกครั้งหนึ่งซึ่งนับเป็นสมณฑูตเป็นทางราชการคณะสุดท้ายของไทยที่ไปเจริญศาสนไมตรีกับลังกา

หนังสือพิมพ์ OPT NEWS ONLINE
วันที่ 16-31 ตุลาคม 2568
อปท.นิวส์เชิญเป็นแขก ดูทั้งหมด
15 ต.ค. 2568
กล่าวได้ว่าการกระจายอำนาจสู่ท้องถิ่น นับเป็นจุดเริ่มต้นที่สำคัญต่อการปกครอง ในระบอบประชาธิปโตย และก็กล่าวได้อีกเช่นกัน ว่า รัฐธรรมนูญ 2540 คือต้นธารที่ส่งผลให้การ กระจายอำนาจสู่ห้องถิ่นของประเทศไทยมีความ สำคัญมากขึ้นมาเป็นลำดับซึ่งแม้ในตลอด 20 กว่าปี ที่ผ่านม...