สำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ (ETDA) เดินหน้าปรับจังหวะการกำกับดูแลแพลตฟอร์มดิจิทัลประเภท Ride Sharing (แอปเรียกรถ) ล่าสุดเว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษาได้เผยแพร่ “ประกาศคณะกรรมการธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ (คธอ.) เรื่อง การดำเนินการอื่นสำหรับผู้ประกอบธุรกิจบริการแพลตฟอร์มดิจิทัล ประเภทบริการรถยนต์หรือรถจักรยานยนต์รับจ้างโดยสารสาธารณะ ตามมาตรา 18 (3) แห่งพระราชกฤษฎีกาการประกอบธุรกิจบริการแพลตฟอร์มดิจิทัลที่ต้องแจ้งให้ทราบ พ.ศ. 2565 (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2568” เมื่อวันที่ 18 ธันวาคมที่ผ่านมา

สาระสำคัญของประกาศฉบับนี้ มีเป้าหมายเพื่อ “ขยายระยะเวลาการบังคับใช้” ของประกาศเดิม หลังมีข้อร้องเรียนจากทั้งผู้ประกอบธุรกิจแพลตฟอร์มดิจิทัลและกลุ่มผู้ขับขี่ว่า การนำรถไปจดทะเบียนเป็นรถสาธารณะยังประสบอุปสรรคหลายด้าน ทั้งขั้นตอนที่ซับซ้อน ระยะเวลาการดำเนินการที่ยาวนาน รวมถึงต้นทุนค่าใช้จ่ายที่ค่อนข้างสูง ส่งผลให้ผู้ขับขี่จำนวนหนึ่งไม่สามารถปฏิบัติตามเงื่อนไขได้อย่างราบรื่น

ขณะเดียวกัน กรมการขนส่งทางบกอยู่ระหว่างการปรับปรุงแนวทางและแก้ไขปัญหาเชิงปฏิบัติ เพื่ออำนวยความสะดวกให้ผู้ขับขี่สามารถนำรถเข้าสู่ระบบรถสาธารณะได้ภายในระยะเวลาที่เหมาะสม กรมการขนส่งทางบกจึงเสนอให้คณะกรรมการธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์พิจารณาเลื่อนกำหนดการบังคับใช้ประกาศเดิม เพื่อเปิดพื้นที่เวลาให้ทั้งผู้ประกอบการแพลตฟอร์มและผู้ขับขี่เตรียมความพร้อม ปรับตัว และปฏิบัติตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องได้อย่างถูกต้องครบถ้วน

สำหรับสาระหลักของประกาศ คธอ. ฉบับที่ 2 คือ การยกเลิกข้อความในข้อ 2 ของประกาศฉบับเดิม ซึ่งเคยกำหนดให้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 2 ตุลาคม 2568 และกำหนดวันมีผลบังคับใหม่เป็นวันที่ 31 มีนาคม 2569 แทน นับเป็นการขยายระยะเวลาการผ่อนผันออกไปอีกเกือบ 6 เดือน

ทั้งนี้ ผู้ประกอบธุรกิจบริการแพลตฟอร์มดิจิทัลประเภท Ride Sharing ยังคงต้องปฏิบัติตาม หน้าที่เพิ่มเติม นอกเหนือจากหน้าที่ทั่วไปภายใต้กฎหมาย DPS อย่างเคร่งครัด อาทิ การให้บริการโดยใช้รถและผู้ขับขี่ที่จดทะเบียนเป็นรถสาธารณะอย่างถูกต้อง และมีใบอนุญาตขับขี่รถสาธารณะตามที่กฎหมายกำหนด (รย.17/รย.18) การตรวจสอบ พิสูจน์ และยืนยันตัวตนของทั้งผู้ขับขี่และผู้โดยสาร ตลอดจนการจัดให้มีช่องทางช่วยเหลือผู้ใช้บริการ ระบบรับเรื่องร้องเรียน และกลไกระงับข้อพิพาทที่มีประสิทธิภาพ

สำหรับการขยายระยะเวลาครั้งนี้ สะท้อนแนวทางการกำกับดูแลที่คำนึงถึงสภาพความเป็นจริงของอุตสาหกรรม ควบคู่กับการรักษามาตรฐานความปลอดภัย ความน่าเชื่อถือ และความเป็นธรรมในระบบนิเวศแพลตฟอร์มดิจิทัล เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับผู้ใช้บริการทั้งฝั่งผู้โดยสารและผู้ขับขี่ในระยะยาว พร้อมวางรากฐานให้ธุรกิจ Ride Sharing เติบโตอย่างยั่งยืนภายใต้กรอบกฎหมายเดียวกัน