วันนี้ 24 พ.ย.68 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นางสาวอรยุพา สังขะมาน เลขาธิการมูลนิธิสืบนาคะเสถียร เปิดเผยว่า จากกรณีนายบัญชา ไกรศรีบารมี หรือครูตู้ อายุ 45 ปี พนักงานราชการ ตำแหน่งพนักงานพิทักษ์ป่า หัวหน้าหน่วยพิทักษ์ป่าทิขุ เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร ด้านตะวันตก จ.กาญจนบุรี ปฏิบัติหน้าที่อยู่ที่หน่วยพิทักษ์ป่าทิขุ ในช่วงเวลากลางคืน ต่อมาเวลา 21.00 น.ของคืนวันที่ 23 พ.ย.68 นายบัญชาฯ ถูกช้างป่าไม่ทราบจำนวนทำร้ายได้รับบาดเจ็บอาการสาหัส และเสียชีวิตในเวลาต่อมาที่โรงพยาบาลทองผาภูมิ ตามที่สื่อมวลชนได้รายงานเหตุการณ์ ไปแล้วนั้น

โดยกองทุนเพื่อผู้พิทักษ์ป่ามูลนิธิสืบนาคะเสถียร มีเงินกองทุนช่วยเหลือผู้พิทักษ์ป่า ในกรณีบาดเจ็บ-เสียชีวิต จากการปฏิบัติหน้าที่ลาดตระเวน  ใน 3 กรณี ดังนี้ 1.กรณีเสียชีวิต จาก 20,000 บาท ปรับใหม่เป็น 30,000 บาท 2.กรณีเจ็บสาหัส พิการ ทุพพลภาพ จ่ายตามจริงไม่เกิน 20,000 บาท (คงเดิม) 3.กรณีเจ็บ/ป่วย  จากเดิม จ่ายตามจริงไม่เกิน 5,000 บาท ปรับใหม่เป็น 10,000 บาท โดยเริ่มให้การช่วยเหลือหลักเกณฑ์ใหม่นี้ ตั้งเเต่เดือน มกราคม 2568 เป็นต้นไป ในส่วนของการช่วยเหลือจากกรณีประสบเหตุ จากการทำงานปกติ นั้นยังคงการช่วยเหลือไว้ดังเดิม

ทางมูลนิธิฯ ขอเชิญร่วมสนับสนุนงานเพื่อผู้พิทักษ์ป่า บัญชีธนาคารไทยพาณิย์ เลขที่บัญชี 057-244388-1 ชื่อบัญชี ‘กองทุนเพื่อผู้พิทักษ์ป่า โดย มูลนิธิสืบนาคะเสถียร’ (ใบเสร็จจากการบริจาค สามารถนำไปลดหย่อนภาษีได้เต็มจำนวน) ผู้ที่ต้องการรับใบเสร็จ สามารถส่งหลักฐานการโอนเงินพร้อมทั้ง ชื่อ-ที่อยู่ ในการออกใบเสร็จมาที่ : E-mail : snf@seub.or.th โอกส

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะเดียวกัน เพจกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ออกมาระบุว่า อาลัยยิ่ง "ครูตู้" บัญชา ไกรศรีบารมี หัวหน้าหน่วยพิทักษ์ป่าทิขุ เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวรด้านตะวันตก จ.กาญจนบุรี ซึ่งเสียชีวิตจากการถูกช้างป่าทำร้ายขณะปฏิบัติหน้าที่

ขอสดุดีแด่ดวงวิญญาณผู้กล้าและผู้เสียสละอย่างแท้จริง ท่านไม่ได้เป็นเพียงพนักงานพิทักษ์ป่า แต่ท่านคือ "ครูหมวกแดง" ผู้ถ่ายทอดความรู้ ยุทธวิธี และหัวใจของผู้พิทักษ์ ให้กับเพื่อนร่วมงานและลูกหลานคนรุ่นใหม่ ความทุ่มเทในการปกป้องผืนป่าทุ่งใหญ่นเรศวร คือภารกิจที่ท่านแบกไว้บนบ่าด้วยความมุ่งมั่น

ขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งต่อครอบครัวและผู้ที่รักท่านทุกคน การจากไปของท่านนับเป็นการสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่ของกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช และผืนป่าไทย ขอให้วีรกรรม ความกล้าหาญ และความเป็นครูของท่าน คงอยู่เป็นแบบอย่างให้ผู้พิทักษ์ป่าสืบไป

ส่วนเพจเฟสบุ๊ก เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวรด้านตะวันตก ระบุว่า เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวรด้านตะวันตก ขอแสดงความเสียใจต่อการจากไปของ นายบัญชา ไกรศรีบารมี หรือครูตู้  พนักงานราชการ ตำแหน่งพนักงานพิทักษ์ป่า หัวหน้าหน่วยพิทักษ์ป่าทิขุ เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวรด้านตะวันตก ซึ่งถูกช้างป่าทำร้ายและเสียชีวิต ขณะปฎิบัติหน้าที่ ครูตู้ของพี่น้องชาวทุ่งใหญ่ เป็นผู้ที่มีใจรักในการทำงาน ทุ่มเท และเสียสละเสมอ รวมทั้งยังเป็นที่รักของเพื่อนร่วมงาน และเป็นผู้ที่มีใจพิทักษ์ป่าใหญ่ อย่างแท้จริง ด้วยรักและอาลัยสุดหัวใจ จากพี่น้องชาวทุ่งใหญ่ฯ ทุกคน

ขณะเดียวกัน นายศุภฤกษ์ กลั่นประเสริฐ หัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร ด้านตะวันตก ได้เดินทางไปพบมารดา และนางสาวพรพิลัย รุ่งสว่าง อายุ 36 ปี ภรรยาของนายบัญชา ไกรศรีบารมี หรือครูตู้ ผู้เสียชีวิต ที่วัดท่าดินแดง หมู่ 1 ต.ปรังเผล อ.สังขละบุรี เพื่อพูดคุยให้กำลังใจ พร้อมมอบเงินช่วยเหลือเยียวยาเบื้องต้นให้จำนวนหนึ่ง

สำหรับนายบัญชา ไกรศรีบารมี หรือครูตู้ เป็น 1 ในเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมผู้ต้องหารายสำคัญ ในคดีล่าเสือดำ ที่เป็นข่าวโด่งดังช่วงปลายปี 2561 ขณะนั้นมีนายวิเชียร ชิณวงษ์ อดีตหัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวรด้านตะวันตก  เป็นหัวหน้าชุดจับกุม

นายศุภฤกษ์ฯ กล่าวว่า ในอดีตที่ผ่านมา เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร ด้านตะวันตก จะไม่ปรากฎช้างป่าให้เห็น อาจจะมีอยู่บ้างแต่ไม่มากนัก แต่เมื่อประมาณเกือบ 1 ปีที่ผ่านมาช้างป่าเริ่มปรากฏตัวให้เห็นมากขึ้น ปัจจุบันมีอยู่ประมาณ 40 ตัว ซึ่งช้างป่าจำนวนดังกล่าวนั้นพบว่าอพยพ มาจากพื้นที่ผืนป่า ต.ห้วยเขย่ง อ.ทองผาภูมิ ในเขตอุทยานแห่งชาติทองผาภูมิ โดยต้องเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิดกันต่อไป 

ส่วนช้างเพศเมียที่ล้มเสียชีวิต ทางเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติเขาแหลม กับเขตอุทยานแห่งชาติทองผาภูมิ ได้นิมนต์พระสงฆ์ไปสวดบังสกุลก่อนนำช้างฝังลงในหลุมที่ขุดไว้บริเวณจุดที่ช้างล้มเสียชีวิต บ้านปิล๊อกคี่ หมู่ 4 ตำบลปิล๊อก อำเภอทองผาภูมิ จังหวัดกาญจนบุรี  และทำการฝังไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว./
          ////////////////////////////////////////////////////////
ข่าวภูมิภาคกาญจนบุรี / ปรีชา  ไหลวารินทร์