ปากเสียงของคนท้องถิ่น เพื่อการพัฒนาประเทศ
คอลัมนิสต์ / บทวิเคราะห์ ย้อนกลับ
โองอ่างจะโอ่อ่า: : จากโครงการรัฐสู่พลังของชุมชน
16 ก.ย. 2568

คอลัมน์ : รอบรั้วสถาบันพระปกเกล้า  โดย : ศูนย์สื่อสารองค์กร
ณัชชาภัทร อมรกุล

ผู้อำนวยการสำนักนวัตกรรมเพื่อประชาธิปไตย สถาบันพระปกเกล้า
 

 

โครงการตลาดหรือโครงการพัฒนาพื้นที่ที่รัฐริเริ่มขึ้นมา มักจะเดินได้ตราบเท่าที่รัฐยังส่งคนลงไปขับเคลื่อน มีเงินลงพื้นที่ มีข้าราชการคอยกำกับ แต่เมื่อการเมืองเปลี่ยนแปลง งบประมาณหายไป เจ้าหน้าที่สับเปลี่ยน สิ่งที่เคยคึกคักก็ค่อย ๆ ซบเซา

คลองโอ่งอ่างก็คือหนึ่งในนั้น ช่วงที่ได้รับการปรับปรุงใหม่ ๆ เต็มไปด้วยแสงไฟและผู้คน แต่เมื่อกระแสรัฐถอยห่างลง เสียงดนตรีเงียบหาย นักท่องเที่ยวลดลง ร้านค้าทยอยปิด ชุมชนก็รู้สึกว่าตนเองถูกปล่อยทิ้งกลางทาง

ความจริงแล้ว ปัญหาของคลองโอ่งอ่างไม่ใช่เรื่องเฉพาะตัว แต่คือโรคเรื้อรังที่เป็นวงจรน้ำเน่าของการเมืองไทยที่มอง “การพัฒนา” เป็นเพียงโครงการชั่วคราวมากกว่าจะเป็นกระบวนการระยะยาว ทุกครั้งที่ผู้บริหารเมืองหรือรัฐบาลเปลี่ยน โครงการที่เคยถูกยกขึ้นมาเป็นความหวังก็กลับถูกปล่อยทิ้งกลางทาง รัฐมักเน้นโชว์ผลงานเป็น “แลนด์มาร์ก” มากกว่าวางรากฐานให้ชุมชนจัดการตนเอง ผลลัพธ์จึงมักเป็นภาพสวยฉาบหน้า แต่ไม่อาจยืนหยัดได้เมื่อการเมืองเคลื่อนตัวไป สุดท้ายพื้นที่ก็วนกลับไปสู่ความเงียบเหงาอีกครั้ง

คลองโอ่งอ่างจึงไม่ต่างจากหลายโครงการในเมืองไทยที่สะท้อนให้เห็นถึงความไม่ยั่งยืนของนโยบายสาธารณะ ซึ่งเกิดจากการขาดวิสัยทัศน์เชิงสืบต่อและการมองข้ามพลังของชุมชนเอง การพัฒนาแบบบนลงล่างที่ยึดติดกับงบประมาณและอำนาจรัฐไม่เพียงทำให้โครงการหมดลมหายใจเร็วเกินไป แต่ยังตอกย้ำวัฒนธรรมการเมืองที่ผูกขาดความเป็นเจ้าของพื้นที่ไว้กับข้าราชการและนักการเมือง มากกว่าจะเปิดทางให้ประชาชนเป็นผู้กำหนดอนาคตของเมืองที่พวกเขาอาศัยอยู่จริง ๆ

นักศึกษาหลักสูตรผู้นำยุคใหม่ในระบอบประชาธิปไตย รุ่นที่ 14 กลุ่ม “นกยูง” จึงลองตั้งคำถามว่า ทำไมคลองโอ่งอ่างต้องผูกติดอยู่กับวงจรแบบนี้เสมอไป จะเป็นไปได้หรือไม่ที่ชุมชนจะลุกขึ้นมาสร้างชีวิตให้พื้นที่เอง โดยไม่ต้องรอการอุปถัมภ์จากภาครัฐ เมื่อคิดได้เช่นนี้ พวกเขาจึงเริ่มต้นด้วยการลงพื้นที่จริง ไปเดินริมคลอง ไปคุยกับชุมชน ไปสัมภาษณ์ผู้ประกอบการร้านอาหาร ร้านกาแฟ เจ้าของโฮสเทล ไปประชุมร่วมกับผู้นำชุมชนสะพานหันและชุมชนพระนคร รวมทั้งพูดคุยกับเจ้าหน้าที่เขตและผู้บริหารกรุงเทพมหานคร เพื่อฟังปัญหาและความต้องการที่แท้จริง

จากการพูดคุยและฟังเสียงผู้คน นักศึกษาได้ร่วมกันกับชุมชนคิดกิจกรรมใหม่ที่ไม่ใช่เพียง “งานรัฐจัด” แต่เป็น “งานของคนในพื้นที่เอง” จึงเกิดกิจกรรมต้นแบบ “Valentine’s Sandbox” ที่จัดขึ้นระหว่างวันที่ 14–16 กุมภาพันธ์ 2568 ภายใต้ธีม Free Flow Love : รักล่องไหล ไร้พรมแดน บรรยากาศสามวันนั้นทำให้คลองโอ่งอ่างกลับมามีชีวิตขึ้นจริง ๆ ร้านค้าของคนในย่านที่เคยซบเซาได้กลับมาเปิดแผงอีกครั้ง บางร้านเสนอเมนูอาหารท้องถิ่นที่ผูกโยงกับความทรงจำของครอบครัว ผู้สูงอายุในชุมชนมาร่วมเล่าเรื่องเก่าแก่ของคลองและย่านการค้า ขณะที่เยาวชนในพื้นที่ได้นำพลังสร้างสรรค์มาปรับให้เป็นกิจกรรมร่วมสมัย ทั้งการระบายสีกระถางต้นไม้และการทำผ้ามัดย้อมที่ใช้สีธรรมชาติ รวมถึงการจัดแสดงดนตรีเล็ก ๆ จากวงรุ่นใหม่ที่ช่วยเติมพลังเสียงให้ย่านนี้มีความหมายมากกว่าแค่ “สถานที่ท่องเที่ยว” แต่เป็นเวทีของชุมชนเอง

ที่สำคัญ งานครั้งนี้ยังกลายเป็นพื้นที่ของการพบปะที่หลากหลาย ผู้มาเดินเล่นริมคลองไม่ได้เพียงซื้อของหรือถ่ายรูป แต่ได้สัมผัสประสบการณ์ทางวัฒนธรรม ทั้งจาก Street Performer ที่มอบความสนุกสนาน ไปจนถึงการพายเรือชมแสงไฟยามค่ำคืนที่ทำให้ผู้คนมองคลองในมุมใหม่ ความหลากหลายของกิจกรรมกลายเป็นสะพานเชื่อมให้คนต่างวัย ต่างภูมิหลัง ได้มาสร้างเรื่องราวร่วมกัน และนี่เองที่ทำให้บรรยากาศของคลองโอ่งอ่างในสามวันนั้นไม่ใช่เพียงการฟื้นคืนชั่วครู่ แต่เป็นการปลุกสำนึกว่า “คลองคือของเรา”

นอกเหนือจากการจัดงาน นักศึกษายังได้มอบสิ่งที่มีค่ามากยิ่งกว่า นั่นคือ “คู่มือการจัดกิจกรรม” หรือเสมือนสมุดบันทึกที่รวบรวมขั้นตอนและประสบการณ์ทั้งหมด ตั้งแต่วิธีการตั้งทีมงาน การเขียนโครงการเพื่อหาทุน การประสานเขตและขออนุญาตใช้พื้นที่ วิธีการออกแบบเวทีและระบบไฟ การหาศิลปินและติดต่อผู้สนับสนุน ไปจนถึงแนวทางประชาสัมพันธ์ในโลกออนไลน์ คู่มือนี้ไม่ได้เป็นแค่เอกสารเทคนิค แต่คือการส่งมอบ “อำนาจ” กลับคืนให้กับชุมชน เพื่อให้พวกเขามีความมั่นใจว่าครั้งต่อไปไม่ต้องรอรัฐ ไม่ต้องรอคำสั่งจากใคร แต่สามารถลุกขึ้นมาจัดกิจกรรมด้วยตนเอง และสร้างความต่อเนื่องให้คลองโอ่งอ่างไม่ถูกทิ้งให้เงียบเหงาอีกต่อไป

สิ่งที่กลุ่มนกยูงทำ อาจดูเป็นโครงการเล็ก ๆ เพียงสามวัน แต่สิ่งที่เหลืออยู่นั้นใหญ่กว่านั้นมาก นั่นคือความรู้สึกเป็นเจ้าของของชุมชน การได้เห็นว่าตนเองมีพลังในการออกแบบพื้นที่ มีสิทธิที่จะสร้างกิจกรรมที่สะท้อนวัฒนธรรม ความหลากหลาย และวิถีชีวิตของตนเอง และหากความรู้สึกเช่นนี้งอกงามต่อไป คลองโอ่งอ่างก็อาจไม่ต้องรอรัฐอีกแล้ว แต่จะเติบโตได้ด้วยมือของคนในพื้นที่เอง

 

หนังสือพิมพ์ OPT NEWS ONLINE
วันที่ 16 - 30 กันยายน 2568
อปท.นิวส์เชิญเป็นแขก ดูทั้งหมด
29 ส.ค. 2568
หากจะมองหาผู้หญิงแกร่งในวัยกลางคนที่มาก ไปด้วยความสามารถ จากเด็กผู้หญิงคนหนึ่งใน ต่างจังหวัดที่ขยันขันแข็ง มุมานะทั้งใฝ่เรียน หาความรู้ และทักษะต่างๆ เพื่อทำงานเลี้ยงชีพด้วยตัวเอง และครอบครัวอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย และทุก ย่างก้าวของเธอมีความหมายอย่างยิ่ง จ...