เมื่อวันที่ 19 มิถุนายน 2568 เวลา 13.30 น. นายรณรงค์ พูลพิพัฒน์ เลขาธิการคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค มอบหมายให้กองคุ้มครองผู้บริโภค 2 นำโดยนายอนุพงษ์ เจริญเวช ผู้อำนวยการกองฯ พร้อมเจ้าหน้าที่จากศูนย์ปฏิบัติการพิเศษ สคบ. ลงพื้นที่ตรวจสอบโกดังจำหน่ายสินค้าในย่านนวลจันทร์ กรุงเทพมหานคร หลังได้รับแจ้งเบาะแสว่า มีการจำหน่ายสินค้าที่ไม่ผ่านมาตรฐานและอาจละเมิดสิทธิผู้บริโภค

จากการตรวจสอบภายในโกดังดังกล่าว พบว่าสินค้าส่วนใหญ่เป็นสินค้านำเข้าจากต่างประเทศ ประเภทเครื่องอุปโภคบริโภค เครื่องใช้ไฟฟ้า อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ และสินค้าเบ็ดเตล็ดอื่น ๆ ที่เตรียมวางจำหน่ายให้กับประชาชน โดยพบพฤติการณ์การขายแบบหน้าร้าน อย่างไรก็ตาม สินค้าจำนวนมาก
ไม่มีการจัดทำฉลาก หรือมีฉลากแต่ไม่แสดงข้อความตามที่กฎหมายกำหนดอย่างครบถ้วน ซึ่งเข้าข่าย
เป็นการกระทำผิดตามพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้บริโภค พ.ศ. 2522 

เบื้องต้น สคบ. ได้ดำเนินการยึดอายัดสินค้าเพื่อนำไปตรวจสอบฉลากอย่างละเอียด พร้อมเรียกตัวผู้เกี่ยวข้องทั้งผู้ผลิต ผู้นำเข้า และผู้จำหน่ายมาให้ถ้อยคำเพื่อใช้เป็นหลักฐานในการดำเนินคดีตามกฎหมายทั้งนี้ หากตรวจสอบพบว่า ผู้ประกอบธุรกิจมีเจตนาในการจำหน่ายสินค้าที่ควบคุมฉลากโดยไม่มีฉลาก หรือ
มีฉลากไม่ถูกต้อง โดยรู้หรือควรจะรู้ว่า การแสดงฉลากเช่นนั้นไม่เป็นไปตามกฎหมาย จะมีความผิดตามมาตรา 52 ของพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้บริโภค พ.ศ. 2522 และที่แก้ไขเพิ่มเติม ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือน หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับส่วนในกรณีที่เป็นผู้ผลิตเพื่อขาย หรือผู้สั่งหรือนำเข้าสินค้า
เข้ามาในราชอาณาจักร จะต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 200,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

สคบ. ขอยืนยันว่า จะเดินหน้าตรวจสอบพฤติกรรมของผู้ประกอบธุรกิจอย่างต่อเนื่องและเข้มงวด เพื่อคุ้มครองสิทธิของผู้บริโภคอย่างถึงที่สุด พร้อมกันนี้ ขอเตือนผู้บริโภคให้ใช้ความระมัดระวังในการเลือกซื้อสินค้า โดยเฉพาะผ่านช่องทางออนไลน์ ควรตรวจสอบฉลากสินค้า ข้อมูลการรับประกัน และแหล่งที่มาของสินค้าให้รอบคอบก่อนตัดสินใจซื้อ หากประชาชนพบเห็นหรือได้รับความเสียหายจากการซื้อสินค้าที่ไม่มีฉลาก หรือฉลากไม่ถูกต้อง สามารถแจ้งเบาะแสหรือขอรับคำปรึกษาได้ที่ สายด่วน สคบ. 1166 หรือผ่านทางแอปพลิเคชัน OCPB Connect และเว็บไซต์ www.ocpb.go.th