ปากเสียงของคนท้องถิ่น เพื่อการพัฒนาประเทศ
ท้องถิ่นไทย ย้อนกลับ
ปลูกบวบหอมขายรายได้ดีกว่าทำนา
17 เม.ย. 2567

             จากอาชีพเกษตรกรทำนาที่ต้องกู้หนี้ยืมสินเพราะราคาข้าวที่ผันผวน ราคาปุ๋ยที่แพงซ้ำยังถูกพ่อค้าคนกลางเอาเปรียบกดราคาในเรื่องค่าความชื้น สองสามีภรรยาจึงตัดสินใจหันมาปลูกบวบหอมขายสลับกับการทำนาสร้างรายได้ดีกว่าทำนาหลายเท่า

90

              ตั้งแต่ 5 ทุ่ม เที่ยงคืนไปจนถึงราว 11โมง  วัชรินทร์  จำเรือง หนุ่มใหญ่จะออกจากบ้านเดินไปที่ไร่บวบใกล้บ้านเพื่อจะรีบเก็บบวบหอมที่ปลูกไว้ที่หมู่ 9 ต.ท่าตูม อ.ศรีมหาโพธิ จ.ปราจีนบุรี ซึ่งมีรวมๆเกือบ 20 ไร่ เพื่อให้ทันกับที่พ่อค้าคนกลางจะมารับตอนเที่ยงหรือบ่ายโมงเพราะต้องนำไปบรรจุถุงตามน้ำหนัก ในราคากิโลละ.......และยังเพื่อให้ทันกับการเจริญเติบโตของบวบที่ วัชรินทร์บอกว่า บวบโตเร็วจนเรียกว่าเป็นวินาที สมติว่า เย็นนี้บวบมีขนาดยาว 4 นิ้ว แต่พอรุ่งขึ้นก็จะมีขนาดใหญ่เท่าตัวบวบจึงเป็นพืชที่โตไวโตเร็วสามารถเก็บได้วันเว้นวัน ถ้าจะนับเวลาจากการนำเมล็ดพันธุ์ลงปลูก อีก 40 – 45 วัน ก็สามารถเก็บเกี่ยวผลผลิตได้แล้ว ยิ่งถ้าอากาศร้อนบวบจะยิ่งโตไวลูกใหญ่เพราะบวบเป็นพืชล้มลุกที่ชอบอากาศร้อน แต่ต้องไม่ขาดน้ำ ที่ไร่ของวัชรินทร์ จึงใช้วิธีติดสปริงเกอร์ไว้ทั้งหมดเพื่อความสะดวกในการดูแลในส่วนของ ข้อเสียของบวบก็มี อย่างเช่นถ้าหากเว้นสองวันไม่เก็บบวบจะแก่ใช้ไม่ได้พ่อค้าคนกลางไม่รับซื้อ ด้วยเหตุผลนี้ วัชรินทร์ พร้อมด้วยวิมล ภรรยาจึงต้องมาเก็บกันตั้งแต่ 5 ทุ่มเที่ยงคืน โดยในแต่ละวันสามารถเก็บบวบได้ 300 กิโลกรัม วันเว้นวัน ขายให้กับพ่อค้าที่มารับซื้อถึงบ้านกิโลละ .....ซึ่งก็เหมือนเป็นการพักผ่อนไปในตัว

             จากการพูดคุยดูเหมือนว่าวัชรินทร์ จะมีความรู้เรื่องบวบ น้ำเต้า และฟักแฟง ซึ่งก็ได้คำตอบมาว่า วัชรินทร์ และวิมล ยึดอาชีพปลูกบวบคู่กับการทำนานมาเกือบ30 ปี และไม่เคยเอาเปรียบคนซื้อไม่ใช้ยาฆ่าแมลงให้เป็นอันตรายต่อผู้บริโภค จนสามารถสร้างครอบครัวเป็นปึกแผ่น จนทุกวันนี้

                                                   ธนปกรณ์  วิศวามิตร / ปราจีนบุรี

                                                           081-2863615

หนังสือพิมพ์ OPT NEWS ONLINE
วันที่ 16 - 30 เมษายน 2567
อปท.เชิญเป็นแขก ดูทั้งหมด
27 ธ.ค. 2566
แพทย์ พยาบาล หรือบุคลากรทางการแพทย์ เป็นอาชีพที่ต้องเสียสละตนเองเพื่อผู้อื่น ไม่เพียงต้องดูแลรักษาผู้ป่วยตามหลักการทางการแพทย์เท่านั้น แต่ต้องเข้าใจและเข้าถึงจิตใจของผู้ป่วยอย่างแท้จริงอีกด้วย ดังนั้น ผู้ที่จะทำงานอาชีพนี้ ต้องมีหัวใจและอุดมการณ์ที่มีความเสียส...