กรมชลประทาน ชี้แจงกรณี แม่น้ำยมแห้งสนิทเหมือนทะลทราย ในพื้นที่ทั้ง 4 อำเภอของจังหวัดพิจิตร (สามง่าม โพธิ์ประทับช้าง บึงนาราง และโพทะเล) น้ำได้ลดลงและแห้งขอดเกือบตลอดลำน้ำจนเห็นผืนทรายในท้องแม่น้ำยม ส่งผลกระทบกับระบบนิเวศ และเกษตรกร นายเกรียงไกร ภาคพิเศษ ผู้อำนวยการสำนักงานชลประทานที่ 3 กรมชลประทาน เปิดเผยถึงข้อเท็จจริงในพื้นที่ดังกล่าวว่า การทำการเกษตรริมแม่น้ำยม ส่วนใหญ่เป็นนาข้าวโดยอาศัยน้ำต้นทุนจากแม่น้ำยม - แม่น้ำสาขาเป็นหลัก ซึ่งมักจะประสบปัญหาการขาดแคลนน้ำเป็นประจำทุกปี เนื่องจากไม่มีแหล่งเก็บกักน้ำไว้ทางตอนบน เกษตรกรจะแก้ไขปัญหาโดยการสูบน้ำจากบ่อตอกหรือบ่อบาดาลระดับตื้นเป็นแหล่งน้ำเสริมการเพาะปลูก ประกอบกับในช่วงฤดูฝนปี 2563 ที่ผ่านมา ในพื้นที่จังหวัดพิจิตร มีปริมาณฝนตกสะสมเฉลี่ยเพียง 692 มม. น้อยกว่าปริมาณฝนปกติ ถึงร้อยละ 33 ส่งผลให้เกิดภาวะขาดแคลนน้ำเพื่อการอุปโภคบริโภค และการเพาะปลูกเร็วกว่าทุกปี อีกทั้ง แม่น้ำยมยังไม่มีอาคารชลประทานขนาดใหญ่ สำหรับใช้กักเก็บน้ำ กรมชลประทาน ไม่ได้นิ่งนอนใจต่อปัญหาที่เกิดขึ้น ได้ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องหาแนวทางในการช่วยประชาชน ซึ่งในเบื้องต้นโครงการชลประทานพิจิตรร่วมกับ ศูนย์ปฏิบัติการฝนหลวง สำนักงานเกษตรและสหกรณ์จังหวัดพิจิตร และสำนักงานเกษตรจังหวัดพิจิตร ลงพื้นที่ เพื่อขอรับการสนับสนุนฝนหลวงในพื้นที่ที่ได้รับความเดือดร้อน สำหรับการดำเนินการแก้ปัญหาความเดือดร้อนของเกษตรกรในระยะยาว และเป็นการแก้ปัญหาการขาดแคลนน้ำของแม่น้ำยมในระยะยาว โครงการชลประทานพิจิตรอยู่ระหว่างดำเนินการก่อสร้างอาคารบังคับน้ำในแม่น้ำยม 3 แห่ง ประกอบไปด้วย ประตูระบายน้ำท่าแห ตำบลกำแพงดิน มีผลคืบหน้าไปแล้วกว่าร้อยละ 42 ประตูระบายน้ำโพธิ์ประทับช้าง ตำบลโพธิ์ประทับช้าง มีผลคืบหน้าไปแล้วกว่าร้อยละ 42 เช่นกัน ส่วนประตูระบายน้ำวังจิก ตำบลวังจิก อยู่ระหว่างขั้นตอนการเตรียมงานก่อสร้าง ซึ่งทั้ง 3 โครงการคาดว่าจะแล้วเสร็จตามแผนในปี 2567 หากดำเนินการแล้วเสร็จจะสามารถช่วยเก็บกักน้ำและช่วยให้การบริหารจัดการน้ำในแม่น้ำยมเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ช่วยบรรเทาและแก้ไขปัญหาขาดแคลนน้ำของเกษตรกรและประชาชนในพื้นที่ อันจะส่งผลให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นในระยะยาวต่อไป