กรณีมีการโพสต์คลิปในสื่อโซเชี่ยล พร้อมข้อความ “สุดกร่าง! แก๊งมาเฟียคุมวินแท็กซี่พัทยา รุมกระทืบนักท่องเที่ยวแบบไม่แคร์สายตา” เหตุเกิดบริเวณถนนเลียบชายหาดพัทยาใต้ ปากทางเข้าวอล์คกิ้ง สตรีท พัทยาใต้โดยหลังคลิปได้เผยแพร่ออกไป ทำให้เสื่อมเสียภาพลักษณ์ด้านการท่องเที่ยวของเมืองพัทยานั้น ล่าสุดที่ห้องประชุม สภ.เมืองพัทยา นายธวัชชัย ศรีทอง ผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี พร้อมด้วย นายปรเมศวร์ งามพิเชษฐ์ นายกเมืองพัทยานายพัชรพัชร์ ศรีธัญญนนท์ นายอำเภอบางละมุง, พ.ต.อ.พาติกรณ์ ศรชัย รอง ผบก.ภ.จว.ชลบุรี, พ.ต.อ.เอนก สระทองอยู่, พ.ต.ท.ต่อลาภ ตินะมาตร สวญ.ส.ทท.4 กก.2 บก.ทท.1 ได้นำตัวนายพิทยา หรือ ดำ อายุ 27 ปี และนายอภิเชษฐ์ หรือ ฟิล์ม อายุ 30 ปี บุคคลที่ปรากฏในคลิป มาพูดคุยสอบถามถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

โดยทั้งคู่ให้การว่า มีอาชีพคอยให้บริการเรียกรถสองแถวหรือรถแท็กซี่ให้กับนักท่องเที่ยว อยู่บริเวณปากทางเข้าถนนวอล์คกิ้งสตรีท พัทยาใต้ ในช่วงที่เกิดเหตุนายพิทยา หรือดำ ได้มีปากเสียงกับนักท่องเที่ยวชาวบังคลาเทศ จำนวน 3–4 คน ในขณะที่เรียกรถสองแถวให้ไปส่งเพื่อนร่วมสัญชาติที่มีอาการเจ็บป่วย แต่เนื่องจากสื่อสารกันไม่เข้าใจ  นักท่องเที่ยวได้พูดจาหยาบคายใส่ ทำให้เกิดความไม่พอใจจึงได้ผลักหน้าอกนักท่องเที่ยวไป จากนั้นนักท่องเที่ยวและกลุ่มเพื่อนได้พุ่งเข้ามาต่อยนายพิทยา ด้านนายอภิเชษฐ์ หรือ ฟิล์ม เพื่อนร่วมอาชีพเห็นเหตุการณ์ จึงเข้าไปช่วยต่อยและใช้เท้ายันนักท่องเที่ยวคืนไปคนละ 1 ครั้ง จนมีคนมาห้ามปรามจึงแยกย้ายกันไป

"ตนขอชี้แจงว่าที่เห็นปรากฏในคลิปว่ามีคนมารุมเยอะ เนื่องจากผู้ที่เห็นเหตุการณ์บริเวณนั้น ต่างพยายามเข้ามาห้ามปราม จึงทำให้เห็นว่ามีคนเข้าไปรุมนักท่องเที่ยว ซึ่งในความเป็นจริงไม่ได้มีการรุมทำร้ายตามที่เป็นข่าวแต่อย่างใด" นายพิทยา กล่าว

ในเวลาต่อมา นายธวัชชัย ศรีทอง ผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรีได้ว่ากล่าวตักเตือนหากเกิดเหตุการณ์แบบนี้ต้องควบคุมอารมณ์ตัวเอง ต้องแจ้งเจ้าหน้าที่อย่าไปตัดสินกันเอง ซึ่งทั้งสองก็ยอมรับว่าผิดจริง ส่วนคู่กรณีซึ่งเป็นชาวบังคลาเทศก็ไม่ได้มีการแจ้งความร้องทุกข์แต่อย่างใด อย่างไรก็ตามภายหลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองพัทยา ได้นำทั้งสองคนส่งพนักงานสอบสวนดำเนินการตามกฎหมายต่อไป.