ปากเสียงของคนท้องถิ่น เพื่อการพัฒนาประเทศ
สื่อสาร - คมนาคม ย้อนกลับ
1 เม.ย. การรถไฟฯ งดเดินขบวนรถเชิงพาณิชย์ 3 เส้นทาง เหนือ-ใต้-อีสาน
27 มี.ค. 2563

การรถไฟฯ ประกาศงดเดินขบวนรถเชิงพาณิชย์ 3 เส้นทาง สายเหนือ สายใต้ และสายตะวันออกเฉียงเหนือ 22 ขบวน ตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2563 จนกว่าสถานการณ์การแพร่ระบากไวรัสโควิด-19 จะคลี่คลาย พร้อมแจ้งให้ผู้โดยสารสามารถคืนเงินค่าตั๋วโดยสารได้เต็มราคาเป็นกรณีพิเศษ ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป

นายวรวุฒิ มาลา รองผู้ว่าการกลุ่มธุรกิจการบริหารทรัพย์สิน รักษาการในตำแหน่งผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ตามที่มติคณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้มีการประกาศข้อกำหนดออกตามตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 (ฉบับที่1) มีผลบังคับใช้ วันที่ 26 มีนาคม 2563 ประกอบกับได้มีข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี ลงวันที่ 9 มีนาคม 2563 ให้ส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐเร่งรัดดำเนินการป้องกัน ควบคุม แก้ไขปัญหา และบรรเทาผลกระทบจากโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผล และจากการตรวจสอบการสถิติการเดินทางในช่วงเดือนมีนาคม 2563 พบว่า มีจำนวนผู้โดยสารยกเลิกการเดินทางเป็นจำนวนมาก ทำให้มีจำนวนผู้โดยสารเฉลี่ยในแต่ละขบวนประมาณร้อยละ 50 เนื่องจากผู้โดยสารต้องการลดความเสี่ยงจากการติดเชื้อไวรัสดังกล่าว

นอกจากนี้ จากการตรวจสอบระบบการสำรองตั๋วโดยสารล่วงหน้าในเดือนเมษายน 2563 พบว่า มีจำนวนผู้โดยสารสำรองตั๋วโดยสารลดลงและมีแนวโน้มลดลงเป็นจำนวนมาก ประกอบกับการขอยกเลิกและคืนเงินค่าโดยสารของผู้โดยสาร เนื่องจากรัฐบาลประกาศงดวันหยุดยาวช่วงเทศกาลสงกรานต์และการประกาศพื้นที่เสี่ยงของการแพร่เชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ในแต่ละจังหวัด

ดังนั้น การรถไฟฯ จึงได้จึงมีความจำเป็นในการประกาศงดเดินขบวนรถเชิงพาณิชย์ในเส้นทางสายใต้ สายเหนือ และสายตะวันออกเฉียงเหนือ เพื่อเป็นการควบคุมและป้องกัน รวมทั้งลดความเสี่ยงการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสดังกล่าวตามมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) ที่ประกาศใช้พระราชกำหนด (พ.ร.ก.) การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 และตามนโยบายของกระทรวงคมนาคม

โดยจะเริ่มงดเดินขบวนรถในเส้นทางดังกล่าว ตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2563 เป็นต้นไป จนกว่าสถานการณ์การจะคลี่คลาย อย่างไรก็ตาม ผู้โดยสารสามารถเดินทางกับขบวนรถที่มีความใกล้เคียงกับขบวนรถที่ถูกยกเลิกเพื่อเป็นการทดแทนได้

 

สำหรับขบวนรถโดยสารเชิงพาณิชย์ 22 ขบวน ที่การรถไฟฯ เตรียมหยุดเดินรถนั้น ประกอบด้วย สายเหนือ ยกเลิก 6 ขบวน ได้แก่ ขบวน 3/4 กรุงเทพ-สวรรคโลก-กรุงเทพ (สามารถใช้ขบวน 7/8 กรุงเทพ-เชียงใหม่-กรุงเทพ), ขบวน 13/14 กรุงเทพ-เชียงใหม่-กรุงเทพ (โดยพ่วงรถชั้นดีไปกับขบวน 51/52 กรุงเทพ-เชียงใหม่-กรุงเทพ) และขบวน 105/106 กรุงเทพ-ศิลาอาสน์-กรุงเทพ (สามารถใช้ขบวน 107/108 กรุงเทพ-เด่นชัย-กรุงเทพ)

สายตะวันออกเฉียงเหนือ ยกเลิก 6 ขบวน ได้แก่ ขบวน 23/24 กรุงเทพ-อุบลราชธานี-กรุงเทพ (โดยเพิ่มรถชั้นดีไปกับขบวน 67/68 กรุงเทพ-อุบลราชธานี-กรุงเทพ), ขบวน 25/26 กรุงเทพ-หนองคาย-กรุงเทพ(โดยเพิ่มรถชั้นดีไปกับขบวน 133/134 กรุงเทพ-หนองคาย-กรุงเทพ), ขบวน 136 อุบลราชธานี-กรุงเทพ (สามารถใช้ขบวน 146 อุบลราชธานี-กรุงเทพ), ขบวน 145 กรุงเทพ-อุบลราชธานี (สามารถใช้ขบวน 13ใน

ส่วนสายใต้ ยกเลิก 10 ขบวน ได้แก่ ขบวน 31/32 กรุงเทพ-หาดใหญ่-กรุงเทพ (โดยเพิ่มชั้นดีไปกับขบวน 37/38 กรุงเทพ-สุไหงโก-ลก-กรุงเทพ), ขบวน 39 กรุงเทพ-สุราษฎร์ธานี, ขบวน 44 สุราษฎร์ธานี-กรุงเทพ, ขบวน 41/42 กรุงเทพ-ยะลา-กรุงเทพ (โดยเพิ่มรถชั้นดีไปกับขบวน 169/170 กรุงเทพ-ยะลา-กรุงเทพ), ขบวน 83/84 กรุงเทพ-ตรัง-กรุงเทพ (โดยเพิ่มรถชั้นดีไปกับขบวน 167/168 กรุงเทพ-กันตัง-กรุงเทพ), ขบวน 173/174 กรุงเทพ-นครศรีธรรมราช-กรุงเทพ (โดยพ่วงรถชั้น 3 ไปกับขบวน 85/86 กรุงเทพ-นครศรีธรรมราช-กรุงเทพ และเพิ่มจุดจอดตามการเดินรถของขบวน 173/174)9 กรุงเทพ-อุบลราชธานี)

นายวรวุฒิฯ กล่าวเพิ่มเติมว่า ในด้านมาตรการเสริม ได้มีการพ่วงตู้โดยสารที่เป็นรถนั่ง และนอนประเภทต่างๆ เพิ่มไปกับขบวนรถที่รองรับขบวนรถที่ยกเลิกไป นอกจากนี้ ได้เพิ่มจุดจอดของขบวนรถด่วนที่ 85/86 กรุงเทพ – นครศรีธรรมราช – กรุงเทพ เพื่ออำนวยความสะดวกในการเดินทางให้กับผู้โดยสาร เป็นกรณีชั่วคราว

สำหรับ ประชาชนที่ซื้อตั๋วโดยสารเดินทางกับขบวนรถดังกล่าวข้างต้น สามารถติดต่อขอคืนเงินได้ที่ช่องจำหน่ายตั๋วสถานีรถไฟทุกแห่งทั่วประเทศ ตั้งแต่วันที่ 27 มีนาคม 2563 เป็นต้นไป หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ศูนย์บริการลูกค้าสัมพันธ์ หมายเลขโทรศัพท์ 1690 ตลอด 24 ชั่วโมง

หนังสือพิมพ์ OPT NEWS ONLINE
วันที่ 16 - 31 มีนาคม 2567
อปท.เชิญเป็นแขก ดูทั้งหมด
27 ธ.ค. 2566
แพทย์ พยาบาล หรือบุคลากรทางการแพทย์ เป็นอาชีพที่ต้องเสียสละตนเองเพื่อผู้อื่น ไม่เพียงต้องดูแลรักษาผู้ป่วยตามหลักการทางการแพทย์เท่านั้น แต่ต้องเข้าใจและเข้าถึงจิตใจของผู้ป่วยอย่างแท้จริงอีกด้วย ดังนั้น ผู้ที่จะทำงานอาชีพนี้ ต้องมีหัวใจและอุดมการณ์ที่มีความเสียส...