ปากเสียงของคนท้องถิ่น เพื่อการพัฒนาประเทศ
เกษตรนำไทย ย้อนกลับ
เกษตรน่ารู้ : การเลี้ยงไข่น้ำและการปลูกผักหวานป่า
15 พ.ย. 2561

                ไข่น้ำ หรือทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือเรียกว่า ผลำ เป็นพืชน้ำ มีลักษณะสีเขียวคล้ายไข่ปลาเล็กๆ ขึ้นอยู่บริเวณผิวน้ำ โดยปกติไข่น้ำ (ผลำ) จะมีมากมากในแหล่งน้ำธรรมชาติที่ไม่มีน้ำไหลเวียน เป็นอาหารพื้นบ้านที่ชาวบ้านนิยมนำไปประกอบอาหาร เช่น แกง ต้มยยำ เจียวผสมกับไข่ หรือใส่เป็นส่วนประกอบของอาหารต่างๆ เพื่อเพิ่มรสชาติอาหารให้มีความหอม มัน อร่อย มากยิ่งขึ้น

                แต่ในปัจจุบัน ไข่น้ำกลายเป็นของหายาก เนื่องจากแหล่งน้ำธรรมชาติมีความสกปรก เน่าเสีย หรืออาจมีสารเคมีตกค้างอยู่ จึงทำให้ไข่น้ำไม่สามารถเจริญเติมโตอยู่ได้ แต่หากเรานำไข่น้ำมาเพาะเลี้ยง ก็จะได้อาหารที่สด สะอาด ไว้ประกอบอาหารและสามารถประกอบเป็นอาชีพเสริมได้

  • วัสดุ/อุปกรณ์
  1. พลาสติกสีดำ                                1              ผืน
  2. น้ำจุลินทรีย์                    0.5          ลิตร
  3. พันธุ์ไข่น้ำ
  4.  ปุ๋ยชีวาพ                       20           กิโลกรัม
  • วิธีเลี้ยงไข่น้ำ

ขุดบ่อดินให้มีขนาดความลึกประมาณ 1 เมตร กว้าง 1 เมตร และยาวประมาณ 4 เมตร จากนั้นนำพลาสติกสีดำ

มารองในบ่อ เพื่อป้องกันมิให้น้ำซึมออก ใส่ปุ๋ยชีวภาพหรือปุ๋ยคอกประมาณ 20 กิโลกรัม ตามด้วยน้ำจุลินทรีย์ชีวภาพประมาณ 0.5 ลิตร ลงในบ่อ

                ปล่อยน้ำลงในบ่อให้เต็มและนำพันธุ์ไข่น้ำมาปล่อย ประมาณ 7 วัน พันธุ์ของไข่น้ำจะแพร่ขยายเต็มบ่อ สามารถเก็บผลผลิตโดยใช้ตะแกรงเล็กๆ ช้อนไปประกอบอาหารหรือจำหน่ายได้ทุกวัน

                ไข่น้ำเลี้ยงไว้ในบ่อจะขยายพันธ์ได้เรื่อยๆ โดยการให้ปุ๋ยชีวภาพ น้ำจุลินทรีย์ ในทุกอาทิตย์ และเติมน้ำให้เต็มปากบ่ออยู่เสมอ

  • ประโยชน์ของไข่น้ำ

ไข่น้ำเป็นอาหารที่มีโปรตีนมาก สามารถเลี้ยงเพื่อนำไปประกอบอาหารหรือจำหน่ายได้ นอกจากนั้น ยัง

เพาะเลี้ยงไว้เพื่อเป็นอาหารปลาได้เป็นอย่างดี

การปลูกผักหวานป่า

• วัสดุอุปกรณ์

1.เมล็ดพันธุ์ผักหวานป่า

2. ภาชนะเพาะเมล็ด

3. ทรายสะอาด

4. กระสอบป่าน

5. ใยมะพร้าว

6. ขวดพลาสติก

• วิธีเพาะพันธุ์ผักหวานป่า

1.เตรียมเมล็ดพันธุ์ผักหวานป่า โดเลือกเมล็ดที่สุกภายใน  1 อาทิตย์แรก หากสุกจัดกว่านั้น อัตราการรอดของ

ต้นผักหวานก็จะน้อยลง

2.นำเมล็ดพันธุ์ที่เตรียมไว้มาล้างด้วยน้ำสะอาด ล้างเปลือกและเมือกออกให้หมด แล้วนำไปผึ่งลมให้แห้ง 2

วัน

3. เตรียมทรายที่สะอาดเกลี่ยลงในกระบะ หรือภาชนะที่จะทำการเพาะเมล็ด โดยให้ทรายมีความหนา

ประมาณครึ่งฟุต เพราะรากของผักหวานจะเจริญเติบโตเร็วและยาวมาก

  1. นำเมล็ดพันธุ์มาเพาะลงในกระบะทรายที่เตรียมไว้ โดยกลบทรายให้มิดเมล็ดเพียงเล็กน้อย จากนั้นคลุมด้วย

กระสอบป่าน รดน้ำให้ชุ่มทุกวัน

5. วันที่ 20 เปิดกระสอบป่านออก เมล็ดพันธุ์เริ่มแทงรากและเริ่มโผล่เมล็ดขึ้นมาเหนือทราย

6. ประมาณวันที่ 25 เริ่มแทงยอด สามารถนำไปปลูกได้ โดยปลูกไว้ในที่ร่ม เช่น ใต้ต้นกล้วย หรือคลุมด้วย

ผ้าสแลน 40% เพราะใน 2 ปีแรกของผักหวานป่า จะไม่ชอบแสงแดด หากโดนแดดมากต้นผักหวานจะตายได้ง่าย

•การดูและรักษา

ควรปล่อยให้ผักหวานป่าเป็นไปตามธรรมชาติ เพราะเป็นพืชที่มีความทนทานต่อโรคและแมลงได้เป็นอย่างดี การ

รดน้ำจะไม่มีผลต่อการเจริญเติบโตหรือการแตกยอดของผักหวานป่า การพรวนดินจะทำให้รากขาดได้ง่าย เพราะรากของผักหวานป่าจะหากินบริเวณผิวดิน ส่วนการใส่ปุ๋ยเคมีหรือฮอร์โมนใดๆ จะทำให้ต้นผักหวานป่า แคระ เกร็ง และอาจตายไปในที่สุด

•ประโยชน์ของผักหวานป่า

เป็นผักที่หายากและเพาะพันธุ์ได้ยาก เป็นที่ต้องการของตลาด จึงทำให้มีราคาแพง มีคุณค่าทางอาหารสูง

สามารถนำไปประกอบกาหารได้หลายอย่าง

 

                ………………………………………………..

ที่มา : สำนักงานปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์

หนังสือพิมพ์ OPT NEWS ONLINE
วันที่ 16 - 30 เมษายน 2567
อปท.เชิญเป็นแขก ดูทั้งหมด
27 ธ.ค. 2566
แพทย์ พยาบาล หรือบุคลากรทางการแพทย์ เป็นอาชีพที่ต้องเสียสละตนเองเพื่อผู้อื่น ไม่เพียงต้องดูแลรักษาผู้ป่วยตามหลักการทางการแพทย์เท่านั้น แต่ต้องเข้าใจและเข้าถึงจิตใจของผู้ป่วยอย่างแท้จริงอีกด้วย ดังนั้น ผู้ที่จะทำงานอาชีพนี้ ต้องมีหัวใจและอุดมการณ์ที่มีความเสียส...