ปากเสียงของคนท้องถิ่น เพื่อการพัฒนาประเทศ
คอลัมนิสต์ประจำอปท.นิวส์ ย้อนกลับ
มาสวดมนต์ข้ามปีส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่กันเถอะ
28 ธ.ค. 2558

           -ปีพุทธศักราช 2558 กำลังจะผ่านพ้นไป  และปีใหม่พุทธศักราช 2559 กำลังจะเข้ามาแทนที่ ตลอดระยะเวลาหนึ่งปีผ่านมานั่น บางท่านอาจประสพโชคดีที่ทั้งในด้านหน้าที่การงานงาน สุภาพ ชีวิตของตนเองและครอบครอบครัว

           -หลายท่านอาจประสบกับความยากลำบากทั้งในด้านหน้าที่การงาน   สุขภาพ  และการดำเนินชีวิตในแต่ละวัน อาจกล่าวได้ว่า ยากลำบากแทบจะเอาตัวไม่รอดก็ว่าได้นั่นเป็นสัจธรรมของชีวิตครับ ยากที่จะหลักเลี่ยง จงมีสติตั้งมั่นและต่อสู้กับมันและแก้ปัญหาในสิ่งที่เกิดขึ้นด้วยปัญญาครับ

           -เราขอให้ปัญหาอุปสรรคเหล่านี้จงผ่านไปกับพร้อมปี่พุทธศักราช 2558ขอให้สิ่งดีงามทั้งหลายจงมาพร้อมกับปี พุทธศักราช 2559ที่กำลังจะเข้ามาในอีกไม่กี่วันข้างหน้านี้

           -กาลเวลาที่ผ่านมาถือว่าเป็นบทเรียนขอให้ทบทวนข้อผิดพลาดของตน และแก้ไขเสีย และน้อมนำหลักธรรมในทางพระพุทธศาสนามาใช้ในชีวิตประจำวัน โดยยึดศีล 5 มาเป็นหลักในการดำเนินชีวิต

           -คือ ไม่เบียดเบียนทำร้ายคนอื่นด้วยกาย วาจาด้วยทรัพย์  ไม่ล่วงละเมิดสามีภรรยาของคนอื่น เป็นคนที่มีสัจจะ ละเว้นสิ่งเสพติดทั้งปวง  โดยหลักการดังกล่าวเป็นธรรมที่ทุกคนจะอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุขภายใต้ร่มเงาแห่งพระพุทธศาสนา เป็นบุคคลที่ คิดดี พูดดี และทำดี 

           -เพื่อให้ชีวิตที่น้อยนิดของเราอยู่บนโลกใบนี้อย่างมีคุณค่า และเป็นประโยชน์แก่ตนเอง ครอบครัว สังคมให้มากที่สุด ไม่ตั้งอยู่ในความประมาท เพราะกาลเวลาที่ผ่านไปแต่ละวันนั้น มันได้กลืนกินสรรพสิ่งไปด้วย ดังพระพุทธพจน์ที่ว่า

“ กาลเวลาย่อมกลืนกินทุกสิ่งสรรพ์รวมทั้งตัวมันเองด้วย”

           -เพราะฉะนั้นเวลาในโลกมนุษย์มีน้อยเกินกว่าที่คิด จงบริหารเวลาให้คุ้มค่าครับ

         ในเวลาที่เหลือของแต่ละคน จงอย่าประมาทในการใช้ชีวิตในปี พุทธศักราช 2559  เราจึงขอเชิญชวนทุกท่านได้มาร่วมกันสวดมนต์ข้ามปีกันเพื่อตั้งสติก่อนก้าวเดินในวันต่อ ๆ ไป  เพื่อความเป็นสิริมงคลแก่ตนเอง ครอบครัว และประเทศชาติโดยส่วนรวม ให้สมกับที่เราเป็นชาวพุทธและอยู่อาศัยภายใต้ร่มเงาแห่งดินแดนพระพุทธศาสนาและเป็นการเจริญรอยตามเยี่ยงบรรพบุรุษของชาวไทยที่ท่านได้นำพาต่อพิธีกรรมเช่นนี้มาช้านาน

-ความเป็นมาของการสวดมนต์ข้ามปี

        -พระวิจิตรธรรมาภรณ์ ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดสระเกศฯ ท่านได้บันทึกเรื่องการสวดมนต์ข้ามปีเอาไว้ว่า

“ การสวดมนต์ข้ามปีนั้นเป็นประเพณีของขาวไทยมาแต่เดิม โดยก่อนสิ้นปีพระสงฆ์จะไปเจริญพระพุทธมนต์บทนพเคราะห์ที่กรมประชาสัมพันธ์ จากนั้นก็จะรอเวลาเที่ยงคืนเพื่อเจริญพระพุทธมนต์บทชัยมงคลคาถา ออกอากาศไปทั่วประเทศทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย

        -ต่อมาเจ้าประคุณสมเด็จพระพุฒาจารย์ (เกี่ยว อุปเสโณ) ประธานคณะผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช ได้นำคณะสงฆ์วัดสระเกศ ประกอบพิธีเจริญพระพุทธมนต์ข้ามปีขึ้น ณ พระอุโบสถวัดสระเกศ โดยอนุวัติตามโบราณพระราชประเพณีแห่งพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 3 เคยประกอบพิธีในช่วงเทศกาลสงกรานต์ อันเป็นประเพณีปีใหม่ของไทยที่มีมาแต่เดิม

        -การสวดมนต์ข้ามปีจึงถือได้ว่าจัดขึ้นที่วัดสระเกศ ราชวรมหาวิหาร เป็นครั้งแรก และในปีพุทธศักราช 2549 กรุงเทพมหานคร โดยสำนักงานเขตป้อมปราบศัตรูพ่าย ได้เห็นความสำคัญของการสวดมนต์ข้ามปี จึงได้ร่วมกับคณะสงฆ์วัดสระเกศ  จัดสวดมนต์ข้ามปีขึ้นอย่างเป็นทางการ และ

        -ต่อมาคณะสงฆ์มีความเห็นร่วมกันว่า การสวดมนต์ข้ามปีเป็นที่นิยมของประชาชนอย่างแพร่หลาย และเป็นค่านิยมที่งดงาม ควรแก่การส่งเสริม ที่ประชุมมหาเถรสมาคมเมื่อเดือนธันวาคม 2553 ณ ตำหนักสมเด็จฯ วัดสระเกศ จึงได้มีมติให้วัดทุกวัดจัดสวดมนต์ข้ามปี โดยมีสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติเป็นศูนย์การอำนวยการ และให้วัดเจ้าคณะจังหวัดเป็นศูนย์กลางการสวดมนต์ของจังหวัดนั้น ๆ” นี่คือประวัติความเป็นมาของการสวดมนต์ข้ามปี

- ส่วนอานิสงส์ของการสวดมนต์ข้ามปีมีอย่างไรนั้น

        -ท่านเจ้าประคุณสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต) พรหมรังสี  ท่านได้เทศน์ถึงอานิสงส์ของการสวดมนต์ไว้ว่า 

        -“ยังมีคนส่วนใหญ่เข้าใจว่า การสวดมนต์มีประโยชน์น้อย และเสียเวลามากหรือฟังไม่รู้เรื่อง ความจริงแล้วการสวดมนต์มีประโยชน์อย่างมากมาย เพราะการสวดมนต์เป็นการกล่าวถึงคุณงามความดี ขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ว่าพระองค์ท่านมีคุณวิเศษอย่างไร พระธรรมคำสอนของพระองค์มีคุณอย่างไร และพระสงฆ์อรหันต์อริยะเจ้ามีคุณเช่นไร การสวดมนต์ด้วยความตั้งใจจนจิตเป็นสมาธิ แล้วใช้สติพิจารณาจนเกิดปัญญาและความรู้ความเข้าใจ 

           -ประโยชน์สูงสุดของการสวดมนต์นั่นคือ จะทำให้ท่านเป็นผล จนสำเร็จเป็นพระอรหันต์ที่อาตมากล่าวเช่นนี้ มีหลักฐานปรากฏในพระธรรมคำสอนที่กล่าวไว้ว่า โอกาสที่จะบรรลุธรรมเป็นพระอรหันต์มี 5 โอกาสด้วยกันคือ  เมื่อฟังธรรมเมื่อแสดงธรรม  เมื่อสาธยายธรรม นั่นคือ การสวดมนต์  เมื่อตรึกตรองธรรม หรือเพ่งธรรมอยู่ในขณะนั้นเมื่อเจริญวิปัสสนาญาณการสวดมนต์ในตอนเช้าและในตอนเย็นเป็นประเพณีที่ปฏิบัติกันมา ตั้งแต่สมัยพุทธกาล พระพุทธเจ้าทรงประกาศพระพุทธศาสนาบรรดาพุทธบริษัททั้งหลาย ต่างพากันมาเข้าเฝ้าพระพุทธองค์ โดยแบ่งเวลาเข้าเฝ้าเป็น 2 เวลา นั่นคือ ตอนเช้าเข้าเฝ้าพระพุทธเจ้า เพื่อฟังธรรม ตอนเย็นเข้าเฝ้าพระพุทธเจ้าเพื่อฟังธรรม การฟังธรรมเป็นการชำระล้างจิตใจ ที่เศร้าหมองให้เพื่อสำเร็จสู่มรรคผลพระนิพพาน การสวดมนต์นับเป็นการดีพร้อมซึ่งประกอบไปด้วยองค์ทั้ง 3 นั่น คือ

•  กาย มีอาการสงบเรียบร้อยและสำรวม

•  ใจ มีความเคารพนบนอบต่อคุณพระรัตนตรัย

•  วาจา เป็นการกล่าวถ้อยคำสรรเสริญถึงพระคุณอันประเสริฐ

ในพระคุณทั้ง 3 พร้อมเป็นการขอขมา ในการผิดพลาดหากมีและกล่าวสักการะเทิดทูนสิ่งสูงยิ่ง ซึ่งเราเรียกได้ว่าเป็นการสร้างกุศล ซึ่งเป็นมงคลอันสูงสุดที่เดียวอาตมาภาพ ขอรับรองแก่ท่านทั้งหลายว่า ถ้าหากบุคคลใดได้สวดมนต์เช้าและเย็นไม่ขาดแล้ว บุคคลนั้นย่อมเข้าสู่แดนพระอรหันต์อย่างแน่นอน

          -การสวดมนต์นี้ ควรสวดมนต์ให้มีเสียงดับพอสมควร ย่อมก่อให้เกิดประโยชน์แก่จิตตน และประโยชน์แก่จิตอื่นเกี่ยวกับว่าประโยชน์แก่จิตตน คือ เสียงในการสวดมนต์จะกลบเสียงภายนอกไม่ให้เข้ามารบกวนจิต ก็จะทำให้เกิดความสงบอยู่กับบทสวดมนต์นั้น ๆ ทำให้เกิดสมาธิและปัญญา เข้ามาในจิตใจของผู้สวดว่าประโยชน์แก่จิตอื่น คือ ผู้ใดที่ได้ยินได้ฟังเสียงสวดมนต์จะพลอย ได้เกิดความรู้เกิดปัญญา มีจิตสงบลึกซึ้งตามไปด้วย ผู้สวดก็เกิดกุศลไปด้วยโดยการให้ทานโดยทางเสียง เหล่าพรหมเทพที่ชอบฟังเสียงในการสวดมนต์ มีอยู่จำนวนมาก ก็จะมาชุมนุมฟังกันอย่างมากมาย เมื่อมีเหล่าพรหมเทพเข้ามาล้อมรอบตัวของผู้สวดอยู่เช่นนั้น ภัยอันตรายต่าง ๆ ที่ไหนก็ไม่สามารถกล้ำกลายผู้สวดมนต์ได้ตลอดจนอาณาเขตและบริเวณบ้านของผู้ที่สวดมนต์ ย่อมมีเกราะแห่งพรหมเทพและเทวดา ทั้งหลายคุ้มครองภัยอันตราย ได้อย่างดีเยี่ยม...”

         -นี่คือโอวาทธรรมของเจ้าประคุณสมเด็จพระพุฒาจารย์(โต พรฺหมฺรังสี) เกี่ยวกับอานิสงส์ของการสดมนต์

         -จึงขอเชิญชวนชาวพุทธทุกท่านได้มาสวดมนต์ข้ามปีเพื่อความเป็นสิริมงคลแก่ตนเองและครอบครัวและประเทศชาติโดยส่วนรวม ในเทศกาลส่งท้ายปีเก่าและต้อนรับปีใหม่นี้

          -และได้น้อมนำหลักธรรมทางพระพุทธศาสนาโดยเฉพาะศีล5 ที่ทางคณะสงฆ์ ท่านเชิญชวนมาเป็นหลักในการดำเนินชีวิต เพื่อที่พวกเราจะได้อยู่ร่วมกันในสังคมอย่างสันติสุขตลอดไป.

 

หนังสือพิมพ์ OPT NEWS ONLINE
วันที่ 16 - 30 เมษายน 2567
อปท.เชิญเป็นแขก ดูทั้งหมด
27 ธ.ค. 2566
แพทย์ พยาบาล หรือบุคลากรทางการแพทย์ เป็นอาชีพที่ต้องเสียสละตนเองเพื่อผู้อื่น ไม่เพียงต้องดูแลรักษาผู้ป่วยตามหลักการทางการแพทย์เท่านั้น แต่ต้องเข้าใจและเข้าถึงจิตใจของผู้ป่วยอย่างแท้จริงอีกด้วย ดังนั้น ผู้ที่จะทำงานอาชีพนี้ ต้องมีหัวใจและอุดมการณ์ที่มีความเสียส...