ปากเสียงของคนท้องถิ่น เพื่อการพัฒนาประเทศ
ท่องเที่ยว ย้อนกลับ
พิพัฒน์ นำร่องแซนด์บ็อก ภูเก็ต-พัทยาคาด1ก.ค.เปิด
24 มี.ค. 2564

นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยว่า ความคืบหน้าของโมเดลแซนด์บ๊อกซ์ ในการทดลองเปิดประเทศรับต่างชาติ ในรูปแบบการเจรจาระหว่างไทยกับประเทศต่างๆ ในลักษณะเมืองต่อเมือง หรือ เกาะต่อเกาะ เพื่อทำการจับคู่เที่ยวระหว่างประเทศ (แทรเวลบับเบิล) ขณะนี้พิจารณานำร่อง 2 พื้นที่หลัก ได้แก่ จังหวัดภูเก็ต และพัทยา บวกอีก 5 พื้นที่รอบพัทยา ซึ่งเงื่อนไขที่สำคัญในการทำแซนด์บ๊อกซ์คือ คนในพื้นที่จะต้องได้รับการฉีดวัคซีนต้านไวรัสอย่างน้อย 70% ขึ้นไป รวมถึงกำหนดให้ต่างชาติที่จะเข้ามาต้องอยู่ในพื้นที่แซนด์บ๊อกซ์เท่านั้น ไม่สามารถออกนอกพื้นที่ได้ ทำให้ต้องศึกษาวิธีการป้องกันไม่ให้ต่างชาติเดินทางออกนอกพื้นที่ที่กำหนดก่อน โดยเฉพาะพัทยา เพราะภูเก็ตมีการกำหนดวิธีดำเนินการไว้แล้ว โดยคาดว่าจะสามารถเริ่มนำนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาได้ในวันที่ 1 กรกฎาคม 2564

“หลักสำคัญอยู่ที่วัคซีนต้านโควิด-19 และการพิจารณาของกระทรวงสาธารณสุข ที่หากนำเข้ามาและกระจายฉีดให้คนในพื้นที่ได้เร็วมากเท่าใด ก็จะสามารถนำต่างชาติเข้ามาภายใตแซนด์บ๊อกซ์ได้เร็วเท่านั้น รวมถึงหากวัคซีนเข้ามาได้มากเพียงพอ ก็อาจพิจารณาเพิ่มพื้นที่ในการทำแซนด์บ๊อกซ์อีกได้” นายพิพัฒน์ กล่าว

นายพิพัฒน์ กล่าวว่า นอกจากนี้ ในวันที่ 1 เมษายนนี้ จากเดิมกำหนดไว้ว่า จะทดลองเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติให้เข้ามาเที่ยวไทย ภายใต้แอเรียควอรันทีน ซึ่งยังกำหนดให้ต้องกักตัวอยู่ แต่ลดวันกักตัวลง โดยหากผู้ที่ได้รับวัคซีนแล้วจะต้องกักตว 7 วัน ผู้ที่ยังไม่ได้รับวัคซีนต้องกักตัว 10 วัน ส่วนผู้ที่เดินทางมาจากประเทศเสี่ยงจะต้องกักตัว 14 วัน แต่เนื่องจากเราเพิ่งประกาศเงื่อนไขและไทม์ไลน์การเปิดรับออกไป จึงคาดว่าจะมีต่างชาติทยอยเข้ามาในช่วงกลางเดือนเมษายนนี้ เพราะต้องใช้เวลาในการเตรียมการเดินทางเพิ่มเติม

โครงการ “ภูเก็ต ทัวริสซึ่ม แซนด์บ็อกซ์” มีกุญแจสำคัญ 3 เรื่องหลัก ได้แก่ 1.ฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ให้แก่คนภูเก็ตก่อน 2.ยกเลิกการกักตัวสำหรับนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ได้รับการฉีดวัคซีนครบ 2 โดสแล้ว และ 3.ใช้กลยุทธ์การสื่อสาร เพื่อสร้างการรับรู้แก่ภาคท่องเที่ยวโลก ตลาดนักท่องเที่ยวในประเทศ และสร้างความรู้สึกที่ดีแก่คนในพื้นที่ โดยมีเป้าหมายการฉีดวัคซีนแก่ประชากรในภูเก็ตอยู่ที่ 466,587 คน หรือใช้วัคซีน 933,174 โดส คิดเป็นเกือบ 95% ของจำนวนประชากรภูเก็ตและแรงงานทั้งชาวไทยและต่างด้าว 493,137 คน โดยศูนย์กระจายวัคซีนมี 9 แห่งทั่วภูเก็ต ใช้ทีมแพทย์ 20 ทีม คิดเป็นบุคลากรทางการแพทย์ 400 คน ตั้งเป้าฉีดวัคซีนโดสแรกที่จะฉีดให้คนภูเก็ตเริ่มวันที่ 15 เม.ย.นี้ ส่วนโดสที่ 2 เริ่มฉีดวันที่ 15 พฤษภาคมนี้ โดยคาดการณ์ว่าโครงการดังกล่าว จะช่วยสร้างรายได้ท่องเที่ยวไม่ต่ำกว่า 84,290 ล้านบาทแก่เศรษฐกิจภูเก็ต สูงกว่ารายได้ตามแผนการเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวต่างชาติแบบไม่กักตัวเข้าภูเก็ตในเดือนตุลาคมนี้ ตามไทม์ไลน์ของรัฐบาล ที่คาดว่าจะสร้างรายได้ท่องเที่ยว 54,967 ล้านบาท

นอกจากนี้ ภาครัฐและเอกชนยังได้ร่วมวางโมเดล 3T ได้แก่ 1.Targeted Countries กำหนดประเทศเป้าหมาย โดยในช่วงระยะทดลอง ตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม-30 กันยายน 2564 เตรียมดึงนักท่องเที่ยวต่างชาติจากประเทศจีน สหราชอาณาจักร สิงคโปร์ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ อิสราเอล และรัสเซีย ส่วนในช่วงตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2564 จะตั้งเป้าดึงนักท่องเที่ยงต่างชาติจาก 28 ประเทศเข้าไทยแบบไม่ต้องกักตัว อาทิ ประเทศจีน รัสเซีย อินเดีย ออสเตรเลีย และสหราชอาณาจักร ซึ่งยังอยู่บนเงื่อนไขสำคัญว่า หากเป็นนักท่องเที่ยวที่ได้รับการฉีดวัคซีนครบ 2 โดสแล้ว จะไม่มีการกักตัว แต่หากยังไม่ได้ฉีดวัคซีนมา ต้องเข้ากักตัว 7 วัน 2.Testing การตรวจสอบหาเชื้อโควิด-19 จากนักท่องเที่ยวต่างชาติอย่างละเอียด และ 3.Tracing Application กำหนดให้นักท่องเที่ยวใช้แอพพลิเคชั่นไทยแลนด์พลัส (ThailandPlus) ติดตามตัว

 

หนังสือพิมพ์ OPT NEWS ONLINE
วันที่ 16 - 31 มีนาคม 2567
อปท.เชิญเป็นแขก ดูทั้งหมด
27 ธ.ค. 2566
แพทย์ พยาบาล หรือบุคลากรทางการแพทย์ เป็นอาชีพที่ต้องเสียสละตนเองเพื่อผู้อื่น ไม่เพียงต้องดูแลรักษาผู้ป่วยตามหลักการทางการแพทย์เท่านั้น แต่ต้องเข้าใจและเข้าถึงจิตใจของผู้ป่วยอย่างแท้จริงอีกด้วย ดังนั้น ผู้ที่จะทำงานอาชีพนี้ ต้องมีหัวใจและอุดมการณ์ที่มีความเสียส...