ปากเสียงของคนท้องถิ่น เพื่อการพัฒนาประเทศ
ธรรมาภิบาล ย้อนกลับ
นิพนธ์ แจงยิบ ไม่ได้ทุจริต ปม เบี้ยวจ่ายเงินค่าซ่อมรถ 50.8 ล้านบาท
02 ต.ค. 2563

นิพนธ์ แจงยิบ ยืนยันไม่ได้ทุจริต ปม เบี้ยวเงินค่าซ่อมรถ 50.8 ล้านบาท แต่ทำหน้าที่รักษาผลประโยชน์ของรัฐ ลั่น พร้อมสู้คดีถึงที่สุด

ทั้งนี้ จากกรณีคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) แต่งตั้งคณะอนุกรรมการไต่สวน กรณีกล่าวหานายนิพนธ์ บุญญามณี รมช.มหาดไทย เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) สงขลา ละเลยต่อการปฏิบัติหน้าที่ มิได้อนุมัติงบประมาณเบิกจ่ายเงินให้กับบริษัท พลวิศว์ เทค พลัส จำกัด เป็นค่ารถซ่อมบำรุงทางเอนกประสงค์ 2 คัน รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 50,850,000 บาท ล่าสุด มีรายงานข่าวเปิดเผยว่า เมื่อ 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติชี้มูลความผิดนายนิพนธ์ บุญญามณี แล้ว โดยสำนักงาน ป.ป.ช. เตรียมจะเปิดแถลงข่าวชี้แจงข้อเท็จจริง และรายละเอียดคดีนี้ในช่วงสัปดาห์หน้า

อย่างไรก็ตาม เมื่อวันที่ 2 ต.ค. นายนิพนธ์ บุญญามณี รมช.มหาดไทย กล่าวชี้แจ้งที่ไปที่มาของถึงกรณีดังกล่าวว่า เมื่อวันที่ 10 เม.ย.2556 ก่อนที่ตนจะมารับตำแหน่งนายก อบจ.สงขลา มีการประกาศจัดหารถซ่อมทาง วงเงิน 52 ล้านบาท และในการประมูลดังกล่าว มีผู้ยื่นประมูล 2 ราย ได้แก่ บริษัท พลวิศว์ เทค พลัส จำกัด ยื่นประมูล 50,850,000 บาท และบริษัท เอส พี เค ออโต้เทค จำกัด ยื่นประมูล 50,900,000 บาท ผลปรากฏว่า บริษัท พลวิศว์ เทค พลัส จำกัด เป็นผู้ชนะการประมูลด้วยราคาที่ต่ำกว่า 50,000 บาท โดยในขณะนั้นได้รับข้อมูลร้องเรียนว่า ทั้ง 2 บริษัทมีการทุจริต และต่อมายังตรวจสอบได้ว่า ทั้ง 2 บริษัทมีการปลอมแปลงเอกสารเพื่อยื่นประมูลงานอีกด้วย

ต่อมาวันที่ 31 พ.ค.2556 ก่อนรับตำแหน่งนายก อบจ.สงขลา นายก อบจ.สงขลาในขณะนั้น ได้ลงนามในสัญญาซื้อรถซ่อมทางเอนกประสงค์กับ บริษัท พลวิศว์ เทค พลัส จำกัด โดยกำหนดส่งมอบรถภายใน 180 วัน และวันที่ 7 มิ.ย.2556 ก่อนที่ตนรับตำแหน่งนายก อบจ.สงขลา อีกเช่นกัน หลังจากลงนามสัญญาซื้อรถซ่อมทางเอนกประสงค์ได้เพียง 7 วัน นายกอบจ.สงขลา ในขณะนั้น ประกาศลาออกจากตำแหน่ง และวันที่ 4 ส.ค.2556 มีการจัดการเลือกตั้ง นายก อบจ.สงขลา ขึ้นใหม่

เท็จ

ผลปรากฏว่า ตนได้รับการเลือกตั้งให้ดำรงตำแหน่งนายก อบจ.สงขลา คนใหม่ เข้าปฏิบัติหน้าที่ในวันที่ 28 ส.ค.2556 และในวันที่ 8 ต.ค.2556 บริษัท พลวิศว์ เทค พลัส จำกัด ส่งมอบรถซ่อมทางเอนกประสงค์ ตามสัญญากับ อบจ.สงขลา โดยคณะกรรมการตรวจรับพัสดุ อบจ.สงขลา ทำการทดสอบและตรวจรับรถซ่อมทางเอนกประสงค์ในวันที่ 9 ต.ค.2556 ซึ่งการทดสอบนั้น เป็นการทดสอบระบบต่างๆ ของรถว่า ใช้งานได้จริงตามวัตถุประสงค์หรือไม่ และใช้ระยะเวลากว่า 90 วัน กองช่างจึงได้รายงานผลการทดสอบ ในวันที่ 9 ม.ค.2557

“ในวันที่ 21 พ.ย. 2556 ระหว่างที่ผลการทดสอบตรวจรับรถยังไม่เสร็จสิ้น บริษัท ไทยวินเนอร์ ทรัค จำกัด ได้ร้องเรียนไปยังผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา ผู้ตรวจเงินแผ่นดิน ภาค 15, ป.ป.ช และผมในฐานะนายก อบจ.สงขลา ถึงความไม่โปร่งใสในการจัดซื้อว่า มีการฮั้วประมูลและล็อกสเปค ทำให้ผมที่เพิ่งรับตำแหน่งนายกอบจ.สงขลา คนใหม่ และไม่ทราบถึงรายละเอียดการจัดซื้อจัดจ้างรถซ่อมทางเอนกประสงค์ดังกล่าวมาก่อน และเป็นการดำเนินการก่อนที่ผมจะมารับตำแหน่งอีกด้วย จึงจำเป็นต้องตรวจสอบข้อเท็จจริงว่า การจัดซื้อรถดังกล่าวที่ผ่านมานั้น ถูกต้องตามระเบียบและตามข้อร้องเรียนหรือไม่ เพื่อไม่ให้ทางราชการเสียหาย และรักษาผลประโยชน์ของประเทศชาติเป็นสำคัญ ซึ่งก่อนหน้านี้ทาง อบจ.สงขลาก็ได้มีการจัดซื้อรถดังกล่าวไปแล้ว 2 ครั้ง ครั้งละ 1 คัน และครั้งนี้เป็นการจัดซื้ออีกเป็นครั้งที่ 3 ในรอบ 1 ปี อีก 2 คัน รวมเป็น 4 คัน" นายนิพนธ์ กล่าว

นายนิพนธ์ กล่าวต่อว่า ในวันที่ 7 ม.ค.2557 รอง ผวจ.สงขลา ซึ่งปฏิบัติหน้าที่แทน ผวจ.สงขลา ได้มีหนังสือถึงตนให้ตรวจสอบข้อเท็จจริงในเรื่องที่ บริษัท ไทยวินเนอร์ ทรัค จำกัด ได้ทำการร้องเรียนปัญหาดังกล่าว โดยตนในฐานะที่บริหารองค์การบริหารส่วนจังหวัดสงขลา ในตำแหน่งนายกอบจ.สงขลา จึงแต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงตามคำสั่งผู้ว่าฯสงขลา และตามที่คู่กรณีทั้ง 2 ฝ่ายร้องเรียนเพื่อไม่ให้เกิดความเสียหายต่อราชการ

และในวันที่ 5 มิ.ย.2557 ซึ่งยังอยู่ในระหว่างการตรวจสอบข้อเท็จจริงของคณะกรรมการนั้น ผู้ว่าฯ สงขลามีหนังสือถึง อบจ.สงขลา ขอให้จ่ายเงินให้แก่บริษัท พลวิศว์ เทค พลัส จำกัด แต่ในขณะเดียวกัน ก็ให้ตรวจสอบข้อเท็จจริงเรื่องที่มีผู้ร้องเรียนถึงความไม่โปร่งใส ในการประกวดราคาซื้อรถครั้งนี้ด้วย

"ผมพิจารณาแล้วเห็นว่า เมื่อการตรวจสอบข้อเท็จจริงของคณะกรรมการยังไม่เสร็จสิ้น ดังนั้น เพื่อเป็นประโยชน์แก่ทางราชการและเป็นธรรมกับทุกฝ่าย ควรรอผลตรวจสอบข้อเท็จจริงก่อนที่จะมีการชำระเงินให้แก่ บริษัท พลวิศว์ เพค พลัส จำกัด และหากอนุมัติให้จ่ายเงินไปโดยที่คณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการประกวดราคาและจัดซื้อยังไม่เสร็จสิ้น หากภายหลังคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงเห็นว่า การจัดซื้อไม่ชอบ และการประมูลจัดซื้อตกเป็นโมฆะ จะทำให้รัฐเสียหายเป็นเงินจำนวนมาก ยากที่จะเรียกเงินคืน เพราะ บริษัท พลวิศว์ เทค พลัส จำกัด มีทุนจดทะเบียนเพียง 1 ล้านบาทเท่านั้น" นายนิพนธ์ กล่าว

อีกทั้ง หากอนุมัติให้จ่ายเงินไป ตนอาจถูกดำเนินคดีทั้งทางแพ่งและทางอาญาได้ ดังนั้น เพื่อให้ได้ข้อยุติที่เป็นธรรมกับทุกฝ่ายและรักษาผลประโยชน์ของทางราชการ การจ่ายเงินควรดำเนินการภายหลังผลสรุปของคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงว่า การประมูลจัดซื้อได้ดำเนินการอย่างถูกต้องตามระเบียบและกฎหมายหรือไม่เสียก่อน

นายนิพนธ์ กล่าวต่อว่า ในวันที่ 25 ก.ค.2557 คณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง รายงานผลการสอบข้อเท็จจริงว่า การประมูลซื้อไม่เป็นไปตามคุณลักษณะเฉพาะตามที่องค์การบริหารส่วนจังหวัดสงขลากำหนด การที่คณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงมีความเห็นว่า การประกวดราคาและการจัดซื้อรถมีเจตนาไม่สุจริต เป็นการสมยอมกันในการเสนอราคาทำให้เกิดการแข่งขันกันอย่างไม่เป็นธรรมนั้น ผลก็คือการประกวดราคาและการจัดซื้อรถจึงตกเป็นโมฆะ และ อบจ.สงขลา ได้นำผลการสอบสวนของคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงรายงานให้ศาลปกครองพิจารณาแล้ว

นายนิพนธ์ กล่าวว่า อีกทั้ง อบจ.สงขลาได้นำผลรายงานการสอบสวนดังกล่าวให้ จ.สงขลา ผู้ตรวจเงินแผ่นดินภาค 15 และ ป.ป.ช.ทราบแล้ว นอกจากนี้ ยังปรากฏหลักฐานจากต่างประเทศหลายแห่ง เช่น สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ออสเตรเลีย หลักฐานจากนอร์เวย์ สหรัฐอเมริกา มาเลเซีย เป็นต้น ที่รับรองไว้แล้วว่า บริษัทคู่เทียบเอกชนในการจัดซื้อรถซ่อมบำรุงทางอเนกประสงค์ดังกล่าว ไม่ได้มีตัวตนอยู่จริง และจากกรณีปลอมแปลงเอกสารดังกล่าวองค์การบริหารส่วนจังหวัดสงขลา ก็ได้มีการไปแจ้งความดำเนินคดีไว้ที่สภ.สงขลาแล้ว และได้มีการส่งหลักฐานบางส่วนให้แก่ ป.ป.ช. ไปแล้วระหว่างการไต่สวน

"ผมยืนยันว่า เรื่องนี้ไม่มีการทุจริต และขอรอให้ ป.ป.ช.แถลงอย่างเป็นทางการก่อน ผมจะเปิดแถลงรายละเอียดอีกครั้ง และจะนำเอกสารทั้งหมดที่ได้มาจากต่างประเทศ มาเปิดเผยต่อสื่อมวลชนด้วย และผมพร้อมสู้คดีให้ถึงที่สุด" นายนิพนธ์ กล่าว

 

หนังสือพิมพ์ OPT NEWS ONLINE
วันที่ 16 - 30 เมษายน 2567
อปท.เชิญเป็นแขก ดูทั้งหมด
27 ธ.ค. 2566
แพทย์ พยาบาล หรือบุคลากรทางการแพทย์ เป็นอาชีพที่ต้องเสียสละตนเองเพื่อผู้อื่น ไม่เพียงต้องดูแลรักษาผู้ป่วยตามหลักการทางการแพทย์เท่านั้น แต่ต้องเข้าใจและเข้าถึงจิตใจของผู้ป่วยอย่างแท้จริงอีกด้วย ดังนั้น ผู้ที่จะทำงานอาชีพนี้ ต้องมีหัวใจและอุดมการณ์ที่มีความเสียส...