ปากเสียงของคนท้องถิ่น เพื่อการพัฒนาประเทศ
เศรษฐกิจชุมชน ย้อนกลับ
สรรพสามิต ถกค่ายรถยนต์ ลดภาษีรถ 50% ภายในสัปดาห์นี้
26 พ.ค. 2563

อธิบดีกรมสรรพสามิตเผยจะเรียกถกค่ายรถ หาช่องลดภาษีสรรพสามิตสำหรับรถยนต์ 50% ภายในสัปดาห์นี้

นายพชร อนันตศิลป์ อธิบดีกรมสรรพสามิต กล่าวว่า ภายในสัปดาห์นี้ได้นัดผู้บริหารกระทรวงอุตสาหกรรม และผู้ประกอบการรถยนต์ มาหารือเกี่ยวกับมาตรการขอลดภาษีรถยนต์ ซึ่งในเบื้องต้น เมื่อวันที่ 25 พ.ค.2563 กรมสรรพสามิตได้ประชุมข้อเสนอของทางผู้ประกอบการรถยนต์แล้ว

"ตอนนี้กรมยังงง ๆ อยู่ เพราะเป็นการขอมาลอยๆ ลดภาษีรถยนต์ 50% ซึ่งไม่มีกรอบเวลา และประเภทรถยนต์ที่ขอมาแต่อย่างไร จึงต้องเร่งประชุมหาข้อยุติ เพื่อได้รู้ว่าจะทำตามข้อเสนอได้มากขนาดไหน ทางกรมสรรพสามิตจะได้รายงานให้ฝ่ายนโยบายเห็นชอบต่อไป"

นายพชร กล่าวว่า ได้เห็นข้อเสนอของผู้ประกอบการอุตสาหกรรมรถยนต์ (สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย หรือ ส.อ.ท.) แล้ว แต่จะต้องมีการหารือรายละเอียดข้อเสนอต่าง ๆ ทั้งหมดก่อน ว่ามีความเป็นไปได้มากน้อยแค่ไหน และจะส่งผลกระทบอย่างไร ที่รับทราบตอนนี้ข้อเสนอทั้งหมดไม่ได้เกี่ยวกับกรมสรรพสามิตทั้งหมด มีเกี่ยวข้องกับหน่วยงานอื่นด้วย

ในส่วนข้อเสนอที่เกี่ยวกับกรมสรรพสามิตโดยตรง คือ การขอลดภาษีสรรพสามิตรถยนต์ 50% ซึ่งยังต้องดูรายละเอียดว่าผู้ประกอบการขอมามากขนาดไหน กินเวลานานเท่าไหร่ และรถยนต์ประเภทอะไรบ้าง และจะกระทบกับรายได้รวมของกรมอย่างมีนัยยะสำคัญหรือไม่

สำหรับข้อเสนอให้เอารถเก่าและรถใหม่ และรัฐให้เงินอีก 1 แสนบาท ข้อเสนอนี้กรมสรรพสามิตต้องมาดูด้วยว่าการให้เงิน 1 แสนบาทนี้เกี่ยวข้องกับภาษีหรือไม่ ต้องมาดูถึงความเป็นไปได้ เมื่อได้ข้อสรุปของกรมแล้ว จะต้องนัดหารือกับสมาคมรถยนต์ซึ่งเป็นผู้เสนอเข้ามาหารือกัน จึงจะได้ข้อสรุปเพื่อส่งให้ฝ่ายนโยบายเห็นชอบต่อไป

ทั้งนี้ ข้อเสนอให้ผ่อนผันยูโร 5 -6 ไม่เกี่ยวข้องกับกรม น่าจะเกี่ยวข้องกับกระทรวงพลังงานเป็นผู้กำหนดมาตรฐานของรถยนต์ในการปล่อยก๊าซของเสีย

“กรมสรรพสามิตพร้อมที่จะพิจารณาข้อเสนอต่าง ๆ ทั้งหมด แต่ยังบอกไม่ได้ว่าจะให้ได้ตามที่เสนอหรือไม่ จนกว่าจะมีการหารือภายใน และหารือกับผู้ประกอบการ รวมถึงข้อนโยบายจากกระทรวงการคลังด้วย” นายพชร กล่าว

หนังสือพิมพ์ OPT NEWS ONLINE
วันที่ 16 - 31 มีนาคม 2567
อปท.เชิญเป็นแขก ดูทั้งหมด
27 ธ.ค. 2566
แพทย์ พยาบาล หรือบุคลากรทางการแพทย์ เป็นอาชีพที่ต้องเสียสละตนเองเพื่อผู้อื่น ไม่เพียงต้องดูแลรักษาผู้ป่วยตามหลักการทางการแพทย์เท่านั้น แต่ต้องเข้าใจและเข้าถึงจิตใจของผู้ป่วยอย่างแท้จริงอีกด้วย ดังนั้น ผู้ที่จะทำงานอาชีพนี้ ต้องมีหัวใจและอุดมการณ์ที่มีความเสียส...