ปากเสียงของคนท้องถิ่น เพื่อการพัฒนาประเทศ
เกษตรนำไทย ย้อนกลับ
รมช.ประภัตร มอบเมล็ดพันธุ์ข้าว พื้นที่ 4 อำเภอ จ.นครราชสีมา
14 พ.ค. 2563

ประภัตร มอบเมล็ดพันธุ์ข้าว ในพื้นที่ 4 อำเภอของ จ.นครราชสีมา เพื่อเป็นการรักษาระดับปริมาณและคุณภาพข้าว ปี 2563/64 ให้เกิดความมั่นคงทางอาหาร ความสามารถทางการค้า และการตลาดข้าวไทย

นายประภัตร โพธสุธน รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยภายหลังลงพื้นที่มอบเมล็ดพันธุ์ข้าว โครงการรักษาระดับปริมาณและคุณภาพข้าว ปี 2563/64 ณ อำเภอโนนสูง อำเภอชุมพวง อำเภอห้วยแถลง และอำเภอเฉลิมพระเกียรติ จังหวัดนครราชสีมา ว่า กระทรวงเกษตรฯ โดยกรมการข้าว ได้จัดทำโครงการดังกล่าว เพื่อเป็นการรักษาระดับปริมาณและคุณภาพข้าว ปี 2563/64 ให้เกิดความมั่นคงทางอาหาร ความสามารถทางการค้า และการตลาดข้าวไทย จึงมีความจำเป็นต้องสนับสนุนเมล็ดพันธุ์ข้าวคุณภาพดีแก่เกษตรกรที่ประสบฝนแล้ง ฝนทิ้งช่วง และอุทกภัยในฤดูนาปี ปี 2562/63 ในช่วงเดือนมิถุนายน 2562 ที่ผ่านมา

เพื่อนำเมล็ดพันธุ์ไปปลูกทดแทนข้าวที่เสียหาย และเมื่อได้ผลผลิตสำหรับบริโภคในครัวเรือนแล้วสามารถนำส่วนที่เหลือไปจำหน่าย ทำให้มีรายได้ในการดำรงชีพได้ต่อไป ซึ่งการดำเนินโครงการนี้ มีเป้าหมายที่จะสนับสนุนเมล็ดพันธุ์ข้าวจำนวน 63,000 ตัน แบบให้เปล่าแก่เกษตรกรผู้ปลูกข้าว 827,000 ครัวเรือน ที่ประสบฝนแล้ง ฝนทิ้งช่วง และอุทกภัย ในปี 2562 ระหว่างเดือนมิถุนายน – กันยายน 2562 ในพื้นที่ 6.32 ล้านไร่ 34 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดเชียงใหม่ เชียงราย แม่ฮ่องสอน ลำปาง แพร่ น่าน อุตรดิตถ์ เพชรบูรณ์ กำแพงเพชร พิจิตร พิษณุโลก สุโขทัย อุทัยธานี นครสวรรค์ กาฬสินธุ์ ขอนแก่น นครพนม มหาสารคาม ยโสธร มุกดาหาร อำนาจเจริญ ร้อยเอ็ด อุบลราชธานี ศรีสะเกษ สกลนคร หนองคาย อุดรธานี ชัยภูมิ นครราชสีมา บุรีรัมย์ สุรินทร์ สุพรรณบุรี พัทลุง และสระแก้ว

สำหรับการกำหนดคุณสมบัติเกษตรกรผู้ปลูกข้าวที่จะได้รับการช่วยเหลือ คือ 1) เป็นเกษตรกรที่ขึ้นทะเบียนเกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปี 2562/63 กับกรมส่งเสริมการเกษตร และ 2) เป็นเกษตรกรที่มีแปลงปลูกข้าวเสียหายสิ้นเชิง อยู่ในพื้นที่ประกาศเขตการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบฝนแล้ง ฝนทิ้งช่วง และอุทกภัย ในปี 2562 เดือนมิถุนายน – กันยายน 2562 โดยมีกรอบการช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกข้าว ที่จะสนับสนุนเมล็ดพันธุ์ข้าวแก่เกษตรกร ไร่ละ 10 กิโลกรัม ตามพื้นที่ปลูกข้าวจริงที่ประสบฝนแล้ง ฝนทิ้งช่วง และอุทกภัย แต่ไม่เกินครัวเรือนละ 10 ไร่ โดยไม่คิดค่าใช้จ่ายเกษตรกร ทั้งนี้เกษตรกรต้องนำไปปลูกจริง ห้ามนำไปจำหน่ายแก่บุคคลอื่น

นายประภัตร กล่าวเพิ่มเติมว่า การจัดทำบัญชีรายชื่อเกษตรกรผู้ปลูกข้าวที่มีสิทธิ์ได้รับความช่วยเหลือเมล็ดพันธุ์ กรมส่งเสริมการเกษตรจะคัดกรองรายชื่อเฉพาะเกษตรกรที่ปลูกข้าวจากระบบฐานข้อมูลทะเบียนเกษตรกรผู้ปลูกข้าวของกรมส่งเสริมการเกษตร และนำไปคัดเลือกเฉพาะเกษตรกรที่อยู่ในพื้นที่ประกาศเขตการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติฉุกเฉิน เนื่องจากประสบฝนแล้ง ฝนทิ้งช่วง และอุทกภัย ในปี 2562 เดือนมิถุนายน – กันยายน 2562 แล้วนำมาจัดทำบัญชีรายชื่อเป็นรายจังหวัด อำเภอ ตำบล และให้กรมส่งเสริมการเกษตรส่งบัญชีรายชื่อให้กับกรมการข้าว เพื่อจัดทำแผนส่งเมล็ดพันธุ์ข้าว

นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ศูนย์เมล็ดพันธุ์ข้าว และศูนย์วิจัยข้าว จะกำกับ ดูแล ติดตาม การนำเมล็ดพันธุ์ข้าวที่เกษตรกรได้รับการสนันสนุนจากโครงการฯ ไปเพาะปลูก ให้คำแนะนำอัตราการปลูกที่เหมาะสม รวมถึงถ่ายทอดเทคโนโลยีการปลูกข้าวที่เหมาะสม เพื่อลดต้นทุนการผลิตแก่เกษตรกร รวมทั้งถ่ายทอดเทคโนโลยีการผลิตเมล็ดพันธุ์ไว้ใช้เองแก่เกษตรกร

ทั้งนี้ จังหวัดนครราชสีมา มีพื้นที่ปลูกข้าว 3,524,504 ไร่ เกษตรกร 245,289 ครัวเรือน โดยในปี 2562 จังหวัดนครราชสีมามีเกษตรกรประสบภัยแล้งทั้งสิ้น 1,431,973 ไร่ เกษตรกร 142,588 ครัวเรือน มีเกษตรกรได้รับการจัดสรรเมล็ดพันธุ์ข้าวจำนวน 119,621 ครัวเรือน รวมเมล็ดพันธุ์ 9,689,583 กิโลกรัม จำแนกเป็นข้าว ขาวดอกมะลิ 105 จำนวน 9,486 ตัน ข้าว กข15 จำนวน 155 ตัน ข้าว กข6 จำนวน 2.830 ตัน และข้าวชัยนาท1 จำนวน 44 ตัน และสำหรับการมอบเมล็ดพันธุ์ในครั้งนี้ อำเภอโนนสูง มีเกษตรกรได้รับการจัดสรรเมล็ดพันธุ์ จำนวน 19,359 ครัวเรือน เมล็ดพันธุ์ข้าว จำนวน 1,710.122 ตัน อำเภอชุมพวง มีเกษตรกรได้รับการจัดสรรเมล็ดพันธุ์ จำนวน 3,832 ครัวเรือน เมล็ดพันธุ์ข้าว จำนวน 265.351 ตัน อำเภอห้วยแถลง มีเกษตรกรได้รับการจัดสรรเมล็ดพันธุ์ จำนวน 1,119 ครัวเรือน เมล็ดพันธุ์ข้าว 83.102 ตัน และอำเภอเฉลิมพระเกียรติ มีเกษตรกรได้รับการจัดสรรเมล็ดพันธุ์ จำนวน 1,330 ครัวเรือน เมล็ดพันธุ์ข้าว 82.142 ตัน

 

 

หนังสือพิมพ์ OPT NEWS ONLINE
วันที่ 16 - 31 มีนาคม 2567
อปท.เชิญเป็นแขก ดูทั้งหมด
27 ธ.ค. 2566
แพทย์ พยาบาล หรือบุคลากรทางการแพทย์ เป็นอาชีพที่ต้องเสียสละตนเองเพื่อผู้อื่น ไม่เพียงต้องดูแลรักษาผู้ป่วยตามหลักการทางการแพทย์เท่านั้น แต่ต้องเข้าใจและเข้าถึงจิตใจของผู้ป่วยอย่างแท้จริงอีกด้วย ดังนั้น ผู้ที่จะทำงานอาชีพนี้ ต้องมีหัวใจและอุดมการณ์ที่มีความเสียส...