ปากเสียงของคนท้องถิ่น เพื่อการพัฒนาประเทศ
ข่าวเด่น / ไฮไลท์ ย้อนกลับ
(คลิป) พลเอก ประวิตร สั่งกำจัดผักตบชวาและวัชพืช เปิดทางน้ำ
24 เม.ย. 2563

พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวภายหลังเป็นประธานในการประชุมแผนการกำจัดผักตบชวาและวัชพืช เพื่อเตรียมการรับน้ำหลากในฤดูฝน ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องว่า ผักตบชวาและวัชพืชในแม่น้ำจัดเป็นสิ่งกีดขวางทางน้ำที่เป็นอุปสรรคในการเร่งระบายน้ำทั้งในฤดูแล้งและฤดูฝนที่สำคัญ ที่ผ่านมา รัฐบาลให้ความสำคัญกับปัญหานี้มาโดยตลอดและมีการติดตามผลการดำเนินการมาอย่างต่อเนื่อง เช่นเดียวกับการประชุมในวันนี้เพื่อติดตามแนวทางการดำเนินการแก้ไขปัญหาผักตบชวาและวัชพืชในแม่น้ำสายหลักและแหล่งน้ำที่สำคัญของประเทศ รวมทั้งผลการดำเนินการประจำปี 2562 และ 2563 และเพื่อพิจารณาการเตรียมความพร้อมในการรับน้ำหลากช่วงฤดูฝน ปี 2563 ซึ่งได้มอบหมายให้กรมโยธาธิการและผังเมืองในฐานะเลขานุการคณะกรรมการอำนวยการบูรณาการเพื่อแก้ไขปัญหาผักตบชวา เป็นผู้ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดทำแผนภายใต้ข้อมูลภาพถ่ายดาวเทียมจาก GISTDA ที่แสดงการสะสมของผักตบชวาและวัชพืชในแม่น้ำสายหลักและแหล่งน้ำเชื่อมโยง จำนวน 25 จุด ให้หน่วยงานรับผิดชอบหลัก จำนวน 4 หน่วยงาน เพื่อจัดทำแผนดำเนินการก่อนฤดูฝน ได้แก่ 1. กรมชลประทาน จำนวน 16 จุด 2. กรมเจ้าท่า จำนวน 4 จุด 3. กรมโยธาธิการและผังเมือง จำนวน 3 จุด และ 4. กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น จำนวน 2 จุด โดยได้สั่งการให้หน่วยงานที่รับผิดชอบดังกล่าว เร่งรัดดำเนินการตามแผนงานที่วางไว้ให้แล้วเสร็จก่อนฤดูฝนนี้ และให้ผู้ว่าราชการจังหวัดกำชับนายอำเภอในพื้นที่ที่มีแหล่งน้ำ ให้เร่งรัดติดตามการจัดเก็บผักตบชวาในแหล่งน้ำด้วยเรือท้องแบนที่ได้จัดซื้อให้ โดยขอให้ท้องถิ่นมีการจัดเก็บทุกวันอย่างต่อเนื่อง และรวบรวมผลการดำเนินงานให้กรมโยธาธิการและผังเมืองทราบทุกวันที่ 15 ของทุกเดือน ส่วนการดำเนินการของชมรมคนริมน้ำขอให้นายอำเภอไปทำการส่งเสริมสนับสนุนให้มีการดำเนินการอย่างต่อเนื่องอีกด้วย

สำหรับการประชุมครั้งนี้ กรมโยธาธิการและผังเมือง ได้นำเสนอแนวทางการแก้ไขปัญหาดังกล่าวในครั้งต่อไป ด้วยการนำข้อมูลภาพถ่ายดาวเทียมของ GISTDA มาบูรณาการให้หน่วยงานที่มีหน้าที่รับผิดชอบนำไปวางแผนและแก้ไขปัญหาผักตบชวาและวัชพืชอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะมีความสะดวก รวดเร็ว และคล่องตัวในการปฏิบัติงาน ทั้งยังสามารถประหยัดงบประมาณในการสำรวจการสะสมของผักตบชวาและวัชพืชในแหล่งน้ำต่างๆ โดยขอให้ GISTDA ส่งข้อมูลภาพถ่ายดาวเทียมการสะสมของผักตบชวาและวัชพืชในแหล่งน้ำต่างๆ เขตลุ่มน้ำภาคกลาง ให้กรมโยธาธิการและผังเมือง ทุก 15 วันเพื่อแจ้งให้หน่วยงานรับผิดชอบหลักนำไปจัดทำแผนดำเนินการ ทั้งนี้ ให้ทั้งสองหน่วยงานประสานการแบ่งปันข้อมูลร่วมกันและรายงานผลให้กองอำนวยการน้ำแห่งชาติทราบต่อไป

ด้าน ดร.สมเกียรติ ประจำวงษ์ เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) กล่าวว่า การแก้ไขปัญหาสิ่งกีดขวางทางน้ำเป็นสิ่งสำคัญที่รัฐบาลให้ความสำคัญ หน่วยงานที่รับผิดชอบต้องเร่งดำเนินการให้แล้วเสร็จทันก่อนเข้าสู่ฤดูฝน นอกจากสิ่งกีดขวางทางน้ำที่เป็นอาคารสิ่งก่อสร้างแล้ว สทนช.ยังได้ติดตามความก้าวหน้าการจัดการแก้ไขปัญหาผักตบชวา ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งปัญหาที่ส่งผลทำให้ประสิทธิภาพการไหลของน้ำลดลงโดยได้ถูกกำหนดให้อยู่ในแผนแม่บทน้ำฯ 20 ปี และแผนปฏิบัติการเตรียมการบริหารจัดการน้ำในฤดูฝนนี้ ซึ่ง สทนช.จะมีการประสานงานติดตามความก้าวหน้า รวมทั้งอำนวยการให้การดำเนินการเป็นไปตามแผน โดยกรมโยธาธิการและผังเมืองเป็นหน่วยงานรับผิดชอบหลักได้ดำเนินการสำรวจปริมาณผักตบชวาในแหล่งน้ำทั่วประเทศที่ต้องดำเนินการจัดเก็บและดำเนินการร่วมกับหน่วยงานร่วมกับ 3 หน่วยงานหลักที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ กรมชลประทาน กรมเจ้าท่า และกรุงเทพมหานคร ซึ่งมีการกำหนดพื้นที่ความรับผิดชอบในแม่น้ำสายหลักอย่างชัดเจน โดยนำเทคโนโลยีภาพถ่ายทางอากาศของ GISTDA มาใช้ในการชี้เป้าดำเนินการให้เกิดประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นก่อนเข้าสู่ช่วงฤดูฝนนี้

สำหรับในปีงบประมาณ 2562 มีผลการดำเนินการกำจัดผักตบชวาและวัชพืชทั่วประเทศของทุกหน่วยงานร่วมกัน สามารถกำจัดได้ทั้งหมด 4,646,622 ตัน และปีงบประมาณ 2563 ตั้งแต่เดือนตุลาคม 2562 – 17 เมษายน 2563 สามารถกำจัดได้แล้ว จำนวน 1,411,156 ตัน ทั้งนี้ การกำจัดผักตบชวาและวัชพืชเป็นหนึ่งในมาตรการในการบริหารจัดการน้ำควบคู่กับมาตรการอื่น ๆ โดยมีวัตถุประสงค์เป็นการเปิดทางน้ำ ให้น้ำสามารถไหลเวียน การบริหารจัดการน้ำทำได้สะดวกทั้งในฤดูแล้งและฤดูฝน อีกทั้งยังเป็นการรักษาคุณภาพน้ำในแม่น้ำและแหล่งน้ำให้อยู่ในค่ามาตรฐานอีกด้วย

 

หนังสือพิมพ์ OPT NEWS ONLINE
วันที่ 16 - 31 มีนาคม 2567
อปท.เชิญเป็นแขก ดูทั้งหมด
27 ธ.ค. 2566
แพทย์ พยาบาล หรือบุคลากรทางการแพทย์ เป็นอาชีพที่ต้องเสียสละตนเองเพื่อผู้อื่น ไม่เพียงต้องดูแลรักษาผู้ป่วยตามหลักการทางการแพทย์เท่านั้น แต่ต้องเข้าใจและเข้าถึงจิตใจของผู้ป่วยอย่างแท้จริงอีกด้วย ดังนั้น ผู้ที่จะทำงานอาชีพนี้ ต้องมีหัวใจและอุดมการณ์ที่มีความเสียส...